svasdssvasds

เตรียมลงทะเบียนแพลตฟอร์มซื้อขายคาร์บอนเครดิต FTIX 16 ม.ค. นี้

เตรียมลงทะเบียนแพลตฟอร์มซื้อขายคาร์บอนเครดิต FTIX 16 ม.ค. นี้

ลงทะเบียนซื้อขายคาร์บอนเครดิต อบก.จับมือ ส.อ.ท. เตรียมเปิดให้ใช้ แพลตฟอร์มซื้อขายคาร์บอนเครดิตเสรี FTIX ในวันที่ 16 มกราคม 2566 นี้ใครอยากซื้อขายคาร์บอนเครดิตเตรียมเลย

ตลาดคาร์บอนเครดิตกำลังจะครึกครื้นยิ่งกว่าเดิม หลัง ส.อ.ท. จับมือ อบก. เดินหน้าขับเคลื่อนตลาดคาร์บอนในไทย ด้วยการเปิดแพลตฟอร์ม FTIX ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อปลายปี 2565 ที่ผ่านมา และเตรียมเปิดให้เทรดเต็ม ๆ ผ่านแพลตฟอร์มได้แล้วในวันที่ 16 ม.ค. นี้

ตลาดคาร์บอนเครดิตกำลังเป็นที่น่าสนใจของคนไทย โดยเฉพาะในภาคส่วนธุรกิจอุตสาหกรรมในปีที่ผ่านมา รวมไปถึงประชาชนคนไทยก็ให้ความสนใจไม่น้อย จนทำให้ตลาดคาร์บอนในไทยเติบโตก้าวกระโดดไปมากถึง 400%

เตรียมลงทะเบียนแพลตฟอร์มซื้อขายคาร์บอนเครดิต FTIX 16 ม.ค. นี้

และตอนนี้ ส.อ.ท. จะเปิดให้มีการซื้อขายคาร์บอนเครดิต TVER บนแพลตฟอร์ม FTIX ครั้งแรก โดยสถาบันการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (FTI-CCi) ซึ่งจะมีการเปิดให้ลงทะเบียนเป็นสมาชิกแพลตฟอร์ม FTIX เพื่อที่จะสามารถทำการซื้อขายคาร์บอนเครดิตได้อย่างเป็นทางการในวันที่ 16 มกราคม 2566 เป็นต้นไป

การปลูกต้นไม้สร้างรายได้ เทรนด์ใหม่มาแรงในไทย

การคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบของกลุ่มอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เป็นสิ่งที่ทั่วโลกกำลังจับตามองพร้อมตั้งแง่และข้อครหา ด้วยเหตุนี้ จึงมีกลไกตลาดที่ชื่อว่า คาร์บอนเครดิต ขึ้นมา เพื่อจูงใจให้เหล่าผู้ประกอบกิจการหันมาสนใจเรื่องสิ่งแวดล้อม ด้วยการซื้อขายคาร์บอนเครดิต

แต่ในปัจจุบันเรื่องนี้จะไม่ได้อยู่แค่ในแวดวงของกลุ่มธุรกิจอีกต่อไป มันได้กระจายไปยังกลุ่มคนตัวเล็กที่อยากปลูกต้นไม้สร้างรายได้ด้วย นั่นจึงเป็นเหตุผลที่  ส.อ.ท. ได้พัฒน่แพลตฟอร์ม FTIX ขึ้นมา เพื่อพัฒนาตลาดคาร์บอนเครดิตในไทย ให้เข้าถึงได้ และใช้งานสะดวกมากขึ้นกว่าแบบเก่า OTC-Over The Counter

ดังนั้นแพลตฟอร์มของ FTIX จะทำหน้าที่เช่นเดียวกันกับตลาดหุ้น คุณสามารถมองเห็นราคา จำนวนการซื้อขายได้อย่างโปร่งใส มีการกำกับดูแลแพลตฟอร์มโดยคระกรรมการกำกับดูแล และมีการร่วมดูแลระหว่าง อบก.และส.อ.ท. ด้วย เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลทั้งหมดบนกระดานสามารถเชื่อถือได้

เตรียมลงทะเบียนแพลตฟอร์มซื้อขายคาร์บอนเครดิต FTIX 16 ม.ค. นี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

การเติบโตของตลาดคาร์บอน

เปิดปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 มาได้แค่ 2 เดือน (เดือนตุลาคมและพฤศจิกายน  2565) ตลาดซื้อขายคาร์บอนเครดิตภายในประเทศไทยก็ร้อนแรง โดยใน 2 เดือนแรกมีปริมาณคาร์บอนเครดิตจากโครงการ T-VER ที่ขายไปแล้ว 28,496 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2eq) ซึ่งมาจากโครงการประเภทพลังงานทดแทน ได้แก่ ชีวภาพ ชีวมวล และแสงอาทิตย์ คิดเป็นมูลค่าการซื้อขาย 1,088,319.84 บาท

 

แพลตฟอร์ม FTIX

สำหรับแพลตฟอร์ม FTIX ประกอบด้วย ศูนย์การซื้อขายแลกเปลี่ยนคาร์บอนเครดิตที่เชื่อมโยงกับระบบของ อบก. นอกจากนี้จะมี ศูนย์ซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพื่อตอบสนองความต้องการ RE100 รวมถึง ศูนย์ซื้อขายใบรับรองการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน หรือ REC ในอนาคตอันใกล้นี้

“แพลตฟอร์ม FTIX จะมีบริษัทเอกชนประมาณ 12,000 แห่ง ใน 45 ภาคส่วน ที่จะช่วยสนับสนุนให้บริษัทและหน่วยงานภาครัฐสามารถซื้อและขายคาร์บอนเครดิตและติดตามการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้บน Dashboard ออนไลน์”

โครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจ

นอกจากนี้ อบก.รายงานว่า สำหรับสถิติโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย (T-VER) ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนทั้งหมดตั้งแต่ปีงบประมาณ 2557 ถึงไตรมาสแรกปีงบประมาณ 2566 มีจำนวน 319 โครงการ มีปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่คาดว่าจะลดได้หรือกักเก็บได้ 10.79 ล้านตันคาร์บอน ไดออกไซด์เทียบเท่า

แม้ว่าจะเป็นภาคสมัครใจ แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา T-VER ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีมาโดยตลอด จนทำให้มีปริมาณการซื้อขายคาร์บอนเครดิตแล้วราว 2,019,099 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า คิดเป็นมูลค่าราว คิดเป็นมูลค่าราว 152.95 ล้านบาท

เตรียมลงทะเบียนแพลตฟอร์มซื้อขายคาร์บอนเครดิต FTIX 16 ม.ค. นี้ ในปัจจุบัน โครงการที่รับการรับรองคาร์บอนเครดิตจาก T-VER มีทั้งสิ้น 141 โครงการ คิดปริมาณคาร์บอนเครดิตออกมาได้ทั้งสิ้น 13.97 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า แบ่งตามประเภทโครงการ ได้แก่ โครงการประเภทการพัฒนาพลังงานทดแทน (AE) 8,325,276 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า โครงการเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน (EE) 2,254,974 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า โครงการประเภทพลังงานทดแทนจากการจัดการของเสีย (AE+WM) 2,205,966 ตันคาร์บอน ไดออกไซด์เทียบเท่า และโครงการประเภทป่าไม้ (FOR) 7,890 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า

ความคาดหวังสำหรับปี 2023

ส่วนในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2566 (ตุลาคม-ธันวาคม 65) มีโครการที่ได้รับการขึ้นทะเบียน 9 โครงการ มีปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่คาดว่าจะลดได้หรือกักเก็บได้ 202,410 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า และมีโครงการที่ได้การรับรองคาร์บอนเครดิตจากโครงการ T-VER แล้ว จำนวน 8 โครงการ คิดเป็นปริมาณคาร์บอนเครดิตทั้งสิ้น 460,600 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า และมีการซื้อขายคาร์บอนเครดดิตแล้วทั้งสิ้น 60,552 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า คิดเป็นมูลค่าราว 2.18 ล้านบาท

 อย่างไรก็ตาม ในระบบทะเบียนคาร์บอนมีการยกเลิกคาร์บอนเครดิตเพื่อใช้แล้ว 1,205,220 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า และมีปริมาณคาร์บอนเครดิต TVERs คงเหลือในระบบจำนวน 12.77 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าในตอนนี้ หากใครสนใจลงทะเบียนหรือศึกษาข้อมูลตรวจสอบการซื้อขายคาร์บอนเครดิต สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์ T-VER และ FTI

ที่มาข้อมูล

ฐานเศรษฐกิจ

related