กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เผยแผนการพลิกโฉมระบบเกษตรและอาหารในทุกระดับ สู่ความยั่งยืน เป็นธรรม สร้างมูลค่า และยังรักษาสิ่งแวดล้อม
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้จัดทำแผนปฏิบัติการด้านเกษตรกรรมยั่งยืน ระยะที่ 1 ปี 2564-2565 มีเป้าหมายให้เกษตรกรมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับระบบเกษตรกรรมยั่งยืนและปรับเปลี่ยนการทำการเกษตรทั่วไปเข้าสู่ระบบเกษตรกรรมยั่งยืนเพิ่มขึ้น เกษตรกรที่ทำเกษตรกรรมยั่งยืนมีรายได้เงินสดสุทธิ ทางการเกษตรเพิ่มขึ้น
โดยได้กำหนดรูปแบบของการทำเกษตรกรรมยั่งยืน 5 รูปแบบ ได้แก่ เกษตรอินทรีย์ เกษตรทฤษฎีใหม่ เกษตรผสมผสาน วนเกษตร และเกษตรธรรมชาติ ซึ่งสอดคล้องกับ “เกษตรสร้างมูลค่า” ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติฉบับที่ 13 หมุดหมายที่ 1 และที่ผ่านมาหน่วยงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ดำเนินกิจกรรมและโครงการที่มุ่งส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพและการอนุรักษ์ดินและน้ำ
อย่าง ธนาคารเชื้อพันธุ์พืชซึ่งได้มีการเก็บรักษาเมล็ดเชื้อพันธุ์พืชในระยะปานกลางและระยะยาว หรือ Genebank การส่งเสริมการจัดการประมงอย่างมีส่วนร่วมและบริหารจัดการทรัพยากรอย่างสมดุล ฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำให้มีความอุดมสมบูรณ์ มีความหลากหลาย และให้อยู่ในระดับที่สามารถทำประมงได้ยั่งยืน การขึ้นทะเบียนสัตว์พื้นเมืองประจำถิ่น การรับรองพันธุ์สัตว์พื้นเมืองประจำถิ่น การจดทะเบียนพันธุ์สัตว์ รวมไปถึงมีการอนุรักษ์และพัฒนาพืชอาหารสัตว์ และมุ่งส่งเสริมการดำเนินงานเพื่อสร้างความหลากหลายทางชีวภาพในดิน ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งทั้งในด้านสิ่งแวดล้อมและด้านสุขภาพของมนุษย์
เนื้อหาที่น่าสนใจ :
Power Green Camp ชวนตะลุยบ้านขุนสมุทรจีน Unseen เมืองไทยในสมุทรปราการ
"หุ่นยนต์กินขยะ" ในแม่น้ำ ขับเคลื่อนด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ ไม่สร้างมลพิษ
COP 27 : โจ ไบเดนเรียกร้องทั่วโลกเพิ่มความพยายามลดโลกร้อนหน่อย
นอกจากนี้ ความหลากหลายทางชีวภาพนับว่าเป็นหัวใจหลักของการดำเนินกิจกรรมโครงการภายใต้ BCG โมเดล ซึ่งเป็นการบูรณาการการพัฒนาตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ใช้องค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมสร้างมูลค่าเพิ่ม (Value Creation) จากฐานความหลากหลายของทรัพยากรชีวภาพและวัฒนธรรม ซึ่งกิจกรรมหลักภายใต้โมเดลเศรษฐกิจ BCG ได้เน้นการอนุรักษ์ ฟื้นฟู พัฒนา เพิ่มพูนทรัพยากรความหลากหลายทางชีวภาพและวัฒนธรรม การบริหารจัดการการใช้ ประโยชน์และบริโภคอย่างยั่งยืนอีกด้วย
นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานกล่าวเปิดงานสัมมนาเชิงปฏิบัติการนานาชาติ (The International Dialogue) โครงการ Mainstreaming Biodiversity in Agriculture in Thailand : Case Studies and Experiences โดยมีผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องรวมทั้งผู้นำองค์กรพันธมิตร ทั้งในและต่างประเทศเข้าร่วม ณ ห้องประชุม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และผ่านระบบออนไลน์
วัตถุประสงค์ของการสัมมนาในครั้งนี้ มุ่งหวังให้ผู้นำองค์กรพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศได้ร่วมพูดคุยหารือในประเด็นของความหลากหลาย ทางชีวภาพด้านการเกษตร ที่มีความสำคัญและเป็นพื้นฐานของการเกษตรยั่งยืนที่สามารถสนับสนุนให้สามารถบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน