พรรคประชาธิปัตย์ เผยนโยบาย “ประชาธิปัตย์ กทม.” จัดเต็มทั้งประกาศสงครามฝุ่นพิษ PM 2.5, กรุงเทพฯ ต้องไม่จมน้ำ, ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ไม่เอายาเสพติด,ไม่หนุนกัญชาเสรี และกองทุนไอเดีย หมื่นล้านบาท
ทีมยุทธศาสตร์ กทม. พรรคประชาธิปัตย์ นำโดย นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบาย กทม. พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. คุณวทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรค พร้อมด้วยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. ทุกเขต ได้ร่วมกัน เปิดนโยบาย กทม. เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมทั้งการประกาศสงครามกับฝุ่น PM2.5 และน้ำท่วม รวมถึงด้านสังคม อย่าง ด้านยาเสพติด ไม่สนับสนุนกัญชาเสรี และยังมีนโยบายสับสนุนกองทุนไอเดียอีกด้วย
ศ.ดร.สุชัชวีร์ ระบุว่า 4 ปีที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้ ส.ส. กทม. แม้แต่คนเดียว ขณะที่ 4 ปี ที่ผ่านมา ฝุ่น PM 2.5 มากขึ้นเข้าสู่ภาวะวิกฤต และยังไม่เห็นอนาคตในการแก้ปัญหา นอกจากนี้ยังมีปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพฯ มากขึ้น รอวันกรุงเทพฯ จม ระบบการศึกษาใน กทม. และในประเทศเกิดความไม่เท่าเทียม ทั้งโอกาสความเข้าถึง ทั้งเทคโนโลยีที่จะทำให้เข้าถึงการเรียนรู้ที่ทันสมัย การเดินทางของคนกรุงเทพฯ มีรถติดมากยิ่งขึ้น การใช้บริการขนส่งสาธารณะ รถไฟฟ้าสายต่างๆ รถเมล์ เรือ ไม่มีความสะดวกและมีราคาสูง
ศ.ดร.สุชัชวีร์ จึงได้นำเสนอกรอบนโยบาย “สร้างคน” ที่ประกอบด้วย
- ประกาศสงครามฝุ่นพิษ PM 2.5 เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ได้มีโอกาสเข้าร่วมรัฐบาลจะทำการผลักดันกฎหมายอากาศสะอาดที่นำเสนอโดยพี่น้องประชาชน นักวิชาการ มีการกำหนดเขตปลอดมลพิษ 16 เขตชั้นในของ กทม. 3. กำหนดมาตรฐานการก่อสร้างอาคาร และการเก็บภาษีรถบรรทุกขนาดใหญ่ ที่ปล่อยควันดำ เพื่อนำเงินภาษีมาเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ 4. ลดหย่อนภาษีให้ผู้รักษาพื้นที่สีเขียว
เนื้อหาที่น่าสนใจ :
องอาจ-มาดามเดียร์-ดร.เอ้ ประชาธิปัตย์ หาเสียงเขตสาทร ประกาศสงครามกับ PM 2.5
จุรินทร์ นำทีม ปชป. รับหนังสือ ร่าง พ.ร.บ. สภาศิลปะ ศิลปิน และวัฒนธรรมแห่งชาติ
นักวิชาการชม ประชาธิปัตย์ นำเสนอวิสัยทัศน์การศึกษาชัดเจน สอดรับทุกข้อเสนอ
- Delta Works Thailand กรุงเทพฯต้องไม่จมน้ำ จากโครงการ “Delta Works” ประเทศเนเธอร์แลนด์ ถือเป็นตัวอย่างการรับมือกับปัญหาน้ำทะเลหนุนได้ดีที่สุดในโลก และผ่านการพิสูจน์มาแล้วว่าสามารถรับมือกับปัญหาได้จริง นโยบาย “Delta Works Thailand” จึงนำหลักการดังกล่าวมาประยุกต์ให้เข้ากับบริบทในประเทศไทย ภายใต้แนวคิด 3 อย่าง คือ ด้านกฎหมาย โครงสร้าง และเทคโนโลยี เพื่อป้องกันพื้นที่กรุงเทพมหานครจากปัญหาน้ำทะเลหนุนที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่ง กรุงเทพฯ ต้องแสดงบทบาทในการแก้ปัญหาน้ำท่วมของลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา โดยไม่ปล่อยให้จังหวัดปริมณฑลต้องจมน้ำแทนกรุงเทพฯ อีกต่อไป โดยโครงการดังกล่าวจะช่วยที่ราบลุ่มปากแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งหมด
นอกจากนี้ยังมีนโยบาย เรียนฟรีถึงปริญญาตรี อินเตอร์เน็ตฟรี 1 ล้านจุด ในพื้นที่ กทม. 1 แสนจุด เพื่อเปลี่ยนชีวิตคนกรุงเทพฯ นโยบายบัตรใบเดียวไปได้ทุกที่ นโยบายฟรีนมโรงเรียน 365 วัน นโยบายตรวจสุขภาพฟรี รักษาฟรี โดยใช้บัตรประชาชนใบเดียว
“พรรคประชาธิปัตย์ ขอให้พวกเราได้กลับมารับใช้คนกรุงเทพฯ ได้กลับมาสู่บ้านของเรา ด้วยนโยบายที่มุ่งแก้ปัญหาพี่น้องประชาชน ยกระดับคุณภาพชีวิต หมดเวลารอฟ้าฝน แต่หากจะรอใครสักคน ขอให้รอคนของพรรคประชาธิปัตย์” ศ.ดร.สุชัชวีร์ กล่าว
ด้านมาดามเดียร์ น.ส.วทันยา ได้กล่าวในกรอบนโยบาย “สร้างเงิน” พร้อมกับยกตัวอย่างการพบกับกลุ่มผู้ประกอบการจากภาคอีสาน ที่นำเอาความคิดสร้างสรรค์มาสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการ อันเป็นการเพิ่มผลิตภาพให้กับสินค้าและบริการของไทย ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นโอกาสให้ประเทศไทยได้สร้างศักยภาพทางเศรษฐกิจ พร้อมกับเสนอเปลี่ยนให้กระทรวงวัฒนธรรม จากที่เป็นกระทรวงเกรด C ในสายตานักการเมือง ให้กลายเป็นกระทรวง เกรด A เพื่อขับเคลื่อน และสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ให้กับประเทศ เปลี่ยนสำนักเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่มีงบประมาณเพียงแค่ปีละ 300 ล้านบาทให้กลายเป็นสำนักขับเคลื่อนเศรษฐกิจใหม่เพื่อสร้างโอกาสให้คนไทย
- นโยบายกองทุนไอเดีย หมื่นล้านบาท
แบ่งนำไปใช้ใน 4 ส่วน 1. พัฒนาทุนมนุษย์ จัดทำมหาวิทยาลัยทุกช่วงวัยเพื่อให้คนไทยได้เพิ่มทักษะ ทั้ง Up Skill Re-Skill พร้อมเปิดโอกาสให้นำทักษะไปสร้างโอกาสให้ตัวเองต่อไป 2. เพิ่มโอกาสด้วยการนำทุนความคิดสร้างสรรค์มาสร้างธุรกิจให้ตัวเอง 3. ขับเคลื่อน Creative Content ให้อุตสาหกรรมบันเทิงเพื่อนำอัตลักษณ์วัฒนธรรมไทยสินค้าและบริการของคนไทยออกไปสู่สายตาโลก 4. สรรหาบุคลากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ เป็นพี่เลี้ยงฟูมฟักเศรษฐกิจ Start Up ใหม่ ปั้นธุรกิจของคนไทยให้ประสบความสำเร็จ
- นโยบายแต้มต่อ SME 3 แสนล้านบาท
แต้มต่อที่ 1 เพิ่มผลผลิต ผลิตภัณฑ์ให้ธุรกิจ SMEs แต้มต่อที่ 2 สรรหาตลาดใหม่ ๆ เปิดตลาด SMEs ไทยไปสู่สายตาคนทั่วโลก แต้มต่อที่ 3 จัดตั้งกองทุน SMEs แต้มต่อ 3 แสนล้านบาท ให้ SMEs เข้าถึงแหล่งทุนได้อย่างเท่าเทียม
- นโยบายธนาคารชุมชน/หมู่บ้าน ละ 2 ล้านบาท เพื่อนำเม็ดเงินกระจายไปยังเศรษฐกิจฐานรากให้ประชาชนสามารถมีเม็ดเงินในการไปขับเคลื่อนเลี้ยงชีพ มีรายได้ และสุดท้ายจะผันเงินกลับมาเป็นเศรษฐกิจของประเทศไทยต่อไป
“จากวลีที่ว่า รวยกระจุกจนกระจาย หลังจากนี้จะต้องเปลี่ยนไปเป็น หยุดจนและรวยกระจาย นโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของเศรษฐกิจของประเทศที่จะต้องกระจายความเสมอภาคความเท่าเทียมเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ วันนี้พรรคประชาธิปัตย์ เราจะช่วยคนไทยค้าขาย เราจะช่วยคนไทยสร้างมูลค่าเพิ่ม สร้างเงิน สร้างรายได้ และที่สำคัญที่สุด วันนี้พรรคประชาธิปัตย์และทีมผู้สมัคร ส.ส. กทม. 33 คน พร้อมแล้วในการสร้างการเมืองแห่งโอกาส การเมืองแห่งความหวังให้กับคนไทยด้วยการส่งต่อโอกาสที่เท่าเทียมให้กับทุกคน” คุณวทันยากล่าวในที่สุด
นายองอาจ กล่าวว่า นโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ ตามยุทธศาสตร์ “สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ” ได้ผ่านกระบวนการ ฟัง - คิด - ทำ ซึ่งเป็นนโยบายมาจากรากฐานของการรับฟังความต้องการจากพี่น้องประชาชน พร้อมกับนำมาร่วมคิดกับประชาชน สำหรับนำมากำหนดเป็นนโยบายที่ได้แถลงในวันนี้ ซึ่งจะเป็นเพียงส่วนหนึ่ง และยังมีส่วนอื่นๆ ที่ผู้สมัคร ส.ส. ทั้ง 33 เขต ใน กทม. จะนำเสนอไปยังพี่น้องประชาชน ซึ่งเชื่อมั่นว่าเมื่อพี่น้องประชาชนใน กทม. ได้มีโอกาสสัมผัสรายละเอียดของนโยบายแล้ว ก็จะให้การสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ และผู้สมัครของพรรค เพราะนโยบายของพรรคสามารถพลิกฟื้น เปลี่ยนกรุงเทพมหานครได้อย่างแท้จริง
สำหรับ พล.ต.ต.วิชัย ได้นำเสนอนโยบายในกรอบ “สร้างชาติ” ในเรื่องการแก้ปัญหาทุจริต คอร์รัปชั่น และยาเสพติด “นโยบายตาต่อตา ฟันต่อฟัน ไม่เอายาเสพติด และไม่สนับสนุนกัญชาเสรี” โดยกล่าวว่า ยาเสพติดเป็นบ่อเกิดของอาชญากรรมทุกประเภท ดังนั้นจำเป็นต้องมีนโยบาย ตั้งแต่การเจรจากับต่างประเทศ การสกัดการส่งออกสารตั้งต้น เพิ่มอำนาจ ป.ป.ส. พร้อมจะต้องจัดตั้งสถานบำบัดในทุกจังหวัด ส่วนแนวทางในการแก้ปัญหาการทุจริต คอร์รัปชั่นนั้น จำเป็นที่จะต้องกำหนดกรอบโทษของผู้กระทำผิด ซึ่งประกอบด้วย ผู้ก่อ ผู้สนับสนุน ผู้ช่วยเหลือ ต้องมีโทษขั้นต่ำประหารชีวิต