3 เหตุปัจจัยที่ทำให้ประเทศชิลิก้าวหน้าด้านสิ่งแวดล้อม เดินหน้าสู่การเป็นผู้นำด้านการใช้พลังงานทดแทนที่สหรัฐฯ ยกย่อง
ข้อมูลจาก world economic forum สรุปความก้าวหน้าของนโยบายรัฐบาลประเทศชิลีในการเร่งสร้างความร่วมมือเพื่อผลักดันการใช้พลังงานทดแทน จนเป็นหนึ่งในผู้นำด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมที่มีความเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แผงโซลาร์เซลล์อัจฉริยะรูปทรง “ดอกทานตะวัน” สุดยอดแหล่งพลังงานทดแทน
หลักสูตรหาพลังงานทดแทน สร้างความเข้าใจในการใช้พลังงานระดับชุมชน โดย ปตท.
เปลี่ยนมาใช้รถ EV แล้วช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมได้จริงหรือ? หรือเราแค่คิดไปเอง
โดยในปัจจุบัน 45% ของพลังงานทั้งหมดที่ใช้ในประเทศชิลีมาจากแหล่งพลังงานทางเลือก โดยวางเป้าหมายที่จะเพิ่มการใช้พลังงานทดแทนเป็น 70% ในปี 2030 ซึ่งประกอบไปด้วย ปัจจัยหลัก 3 ข้อดังนี้
1. ประสานความร่วมมือกันภายในรัฐบาล แม้ว่านักการเมืองแต่ละคนของชิลีจะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน แต่ก็สามารถหาจุดร่วมเพื่อนำไปสู่เป้าหมายเดียวกัน เช่น รัฐบาลที่ผ่านมาได้มีการตั้งนโยบายเพื่อเป็นกลยุทธ์ในช่วงเปลี่ยนผ่านการใช้พลังงานเดิมมาเป็นพลังงานทดแทน เมื่อมีรัฐบาลใหม่เข้ามารับหน้าที่บริหารต่อนำโดย Gabriel Boric ในเดือนมีนาคมปี 2022 จึงทำให้สามารถสานต่อแผนที่วางไว้ได้ไม่มีสะดุด
2. ไฮโดรเจนสีเขียว (Green Hydrogen) หรือ เชื้อเพลิงทางเลือกที่เป็นพลังงานสะอาดสำหรับอนาคต ด้วยความที่ประเทศชิลีมีแรงลมและแสงแดดที่คงที่สม่ำเสมอ ทำให้เป็นข้อได้เปรียบสำหรับการให้มาใช้พลังงานทดแทนภายในประเทศ ทั้งนี้ยานพาหนะไฟฟ้าก็ช่วยให้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากพลังงานฟอสซิลลงได้ต่อเนื่องโดยเมื่อมีการใช้ เชื้อเพลิงไฮโดรเจน เกิดขึ้นมา ประเทศชิลีก็กำลังกลายเป็นประเทศผู้ผลิตและจัดส่งเชื้อเพลิงที่ถูกที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
3. การดึงผู้หญิงเข้ามามีส่วนร่วมในการเปลี่ยนผ่านทางพลังงาน โดยชิลีเป็นประเทศที่มีการอุดช่องว่างระหว่างเพศ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมพลังงาน ด้วยการทำให้เกิดความเท่าเทียมเรื่องการจ่ายเงินเดือน วางแผนจัดจ้างผู้หญิงเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในตำแหน่งต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับด้านพลังงาน ผลักดันให้เกิดความเท่าเทียมเสมอภาคทางเพศในภาคประชาสังคม
ซึ่งในระหว่างการเยือนประเทศชิลิของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แอนโทนี บลิงเคน (Antony Blinken) ได้กล่าวยกย่องชิลีว่าเป็นประเทศที่โดดเด่นและเป็นผู้นำในด้านพลังงานทดแทน