ญี่ปุ่นขอประชาชนช่วยประหยัดไฟ ช่วงฤดูหนาว เพื่อทางรอดในวิกฤตพลังงาน
รัฐบาลญี่ปุ่น ยุคของ ฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยแผนการเรียกร้องให้ภาคครัวเรือนและธุรกิจต่างๆ ประหยัดไฟฟ้าในช่วงฤดูหนาวนี้ ขณะยังคงเผชิญวิกฤตพลังงานในประเทศอย่างต่อเนื่อง
กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น กล่าวระหว่างการประชุมนโยบายด้านพลังงานว่า รัฐบาลญี่ปุ่นของนายกรัฐมนตรี ฟูมิโอะ คิชิดะ Fumio Kishida จะเรียกร้องให้ประชาชนและภาคธุรกิจประหยัดพลังงานตั้งแต่เดือนธันวาคม 2022 จนถึงเดือนมีนาคม 2023 หลังเคยเรียกร้องลักษณะเดียวกันนี้เมื่อช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา
เจ้าหน้าที่กระทรวงฯ เผยว่าญี่ปุ่นตั้งเป้าจัดหาอุปทาน (ปริมาณความต้องการ) พลังงานที่มีเสถียรภาพอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับผลักดันการใช้งานแหล่งพลังงานหมุนเวียน พร้อมเร่งรัดการเปิดดำเนินงานเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยอันเข้มงวดอีกครั้ง เพื่อเป็นแนวทางเพิ่มเติมในการรับประกันอุปทานพลังงาน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- รวมมาตรการประหยัดพลังงานทั่วโลก ในยุคที่ทุกคนทั่วโลกช่วยกันได้
-
พายุไต้ฝุ่นนันมาดอล จ่อขึ้นฝั่งญี่ปุ่น 17-18 ก.ย. นี้ เตรียมรับแรงกระแทก
-
16 ก.ย. วันโอโซนโลก (World Ozone Day) : วันเตือนให้คนปกป้องชั้นบรรยากาศโอโซน
ขณะที่ สำนักข่าวเคียวโด นิวส์ ระบุว่าการเรียกร้องให้ภาคครัวเรือนและธุรกิจต่างๆ ประหยัดไฟฟ้าในช่วงฤดูหนาวนี้ มีขึ้นขณะอุปทานก๊าซธรรมชาติเหลวที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับโรงไฟฟ้าพลังความร้อนยังคงเผชิญภาวะตึงตัว อันเนื่องมาจากความปั่นป่วนของตลาด (market turbulence)
โดยรัฐบาลญี่ปุ่น จะยังคงออกมาตรการดังกล่าว แม้ว่าจะสามารถรักษาอัตราการผลิตไฟฟ้าสำรองไว้ที่ร้อยละ 3 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดที่จำเป็นต่อการจัดหาอุปทานได้อย่างมีเสถียรภาพ
ทั้งนี้ รัฐบาลของนายกรัฐมนตรี ฟูมิโอะ คิชิดะ Fumio Kishida ได้เรียกร้องการประหยัดพลังงานเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี ระหว่างเดือนกรกฎาคม-กันยายน 2022 โดยขอให้ประชาชนทั่วประเทศปิดไฟที่ไม่จำเป็นและตั้งเครื่องปรับอากาศที่อุณหภูมิ 28 องศาเซลเซียส เพื่อประหยัดพลังงานไฟฟ้าให้ได้มากที่สุดเพื่อช่วยบรรเทาวิกฤตพลังงานที่เกิดขึ้นในประเทศ
.
ในช่วงเวลาทที่ผ่านมา ญี่ปุ่น ให้บริษัทและบ้านเรือน ช่วยประหยัด การจ่ายไฟจะเข้มงวดมากขึ้นในช่วงฤดูหนาว , รัฐบาลมีแต้มสะสมมูลค่า 2000 เยน แก่บ้านที่ร่วมประหยัดไฟ และ ใช้พลังงานนิวเคลียร์เพิ่มขึ้น เพื่อบรรเทาวิกฤต นับเป็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายครั้งสำคัญ นับตั้งแต่วิกฤตเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์หลอมละลายที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ เมื่อปี 2011
