ชัชชาติ สิทธิพันธ์ุ เชื่อ ไม่ได้ถูกวางยา หลังมีดราม่าปมน้ำท่วม กทม.

วันนี้ ที่สำนักงานเขตบางเขน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ บอกถึงกรณีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ส่วนหนึ่งในสังคมออนไลน์ที่ได้เขียนจดหมายเปิดผนึกเรียกร้องให้ตนเองและคณะทำงานลาออก สืบเนื่องจากการทำงาน 100 วันไม่ชัดเจนโดยเฉพาะการแก้ปัญหาน้ำท่วม กทม. ว่า ไม่เป็นไร ข้อติก็ต้องเอามาปรับปรุง แต่เชื่อว่าเราทำเต็มที่

และเรื่องน้ำท่วมตนเองคิดว่าก็ทำได้ดี อย่างเมื่อคืนนี้สุขุมวิท 77 น้ำท่วมทั้งซอย แต่สุดท้ายถนนหลักๆ ก็แห้ง หากไม่ติดเงื่อนไขทางกายภาพ ซึ่งการลอกท่อเส้นเลือดฝอยต่างๆ ก็ทำได้เร็วหลายจุดแล้ว ฉะนั้นก็มีทั้งข้อดีและข้อจำกัด แต่ตนเองน้อมรับทุกความเห็นและจะนำไปปรับปรุงให้ดีขึ้น

ส่วนกรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ โพสต์ข้อความ ตั้งข้อสังเกตว่า น้ำท่วม กทม.อาจจะเป็นการวางยาทีมผู้บริหารนั้น นายชัชชาติ เชื่อว่า ข้าราชการทุกคนทำงานเต็มที่ ฉะนั้นขอให้คิดแง่บวกว่า ทุกคนอยากทำงานให้ประชาชน แต่อาจมีเงื่อนไขจำกัด เช่น เขตบางเขนมีเครื่องสูบน้ำ 8 เครื่อง ซึ่งก็ต้องเพิ่มกำลังและประสิทธิภาพให้ในการช่วยประชาชน พร้อมย้ำว่าไม่มีการวางยาและขอให้คิดแง่บวก ซึ่งทุกคนอยากทำงานร่วมกันในข้อที่ดี แต่ขอบคุณที่แนะนำมุมมองที่ไม่เคยคิด ซึ่งอะไรปรับปรุงได้ก็พร้อมจะแก้ไข

บทความที่น่าสนใจ

• วิโรจน์ ชี้ แก้น้ำท่วม ต้องทะลวงเส้นเลือดใหญ่ แค่เส้นเลือดฝอย เอาไม่อยู่

• ชูวิทย์ วิเคราะห์การแก้ปัญหาน้ำท่วม กทม. ชี้ ชัชชาติ โดนวางงาน

• กรมชลฯ สั่งเด้ง ผอ.รังสิตใต้ เซ่นเครื่องสูบน้ำพัง ทำชาวบ้านเดือดร้อน

ส่วนเรื่องโยกย้าย อาจจะมีคนผิดหวัง แต่ตนเองเชื่อว่า ไม่มีผลอะไรที่ทำให้เกิดผลลบได้ เพราะข้าราชการส่วนใหญ่อยากทำงานอยู่แล้ว และทุกคนก็คิดถึงอนาคตอีกไกล ซึ่งตอนนี้ไม่เห็นปัญหาอะไร

ส่วนกรณีที่ นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า เปิดเผยว่า พบความผิดปกติในงบประมาณกรุงเทพมหานคร ปี 2566 ของเขตจตุจักร ที่ตัดงบโครงการโยธาทางระบายน้ำ แล้วเปลี่ยนเป็นโครงการพาคนไปเที่ยวสัมมนาสูงถึง 9,783,300 บาท นั้น

นายชัชชาติ ระบุว่า เรื่องตัดงบการบริหารน้ำ ตนเองคิดว่าไม่น่าใช่ แต่เรื่องงบสัมมนาก็ต้องควบคุมการใช้ โดยตนได้สั่งการให้รองผู้ว่าฯ ทวิดา กมลเวชช ดูแล้ว ซึ่งโครงการพัฒนาศักยภาพ ก็ต้องเอาให้คุ้มค่า ไม่ได้ให้ไปเที่ยว ซึ่งตนได้สั่งการไปแล้ว ต้องเอาให้คุ้มค่าเงิน แต่ก็ขอบคุณที่ช่วยชี้แนะ แต่งบนี้ผ่านมาสภา กทม.มาแล้ว ซึ่งก็ต้องตรวจสอบต่อไป