ภาพ ประท้วง บานปลายจนกลายเป็นจลาจลในสหรัฐฯ เป็นภาพเหตุการ์ที่เกินคาดเดาสำหรับใครหลายๆ คน การประท้วงส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อยถึง 5 คน หลังการประท้วงตำรวจใช้ความรุนแรงกับคนผิวดำ จอร์จ ฟลอยด์ จนเสียชีวิตในเวลาต่อมา
การเสียชีวิตของ จอร์จ ฟลอยด์ ในเมืองมินนีแอโพลิส รัฐมินนิโซตา ในสหรัฐฯ เมื่อวันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคม นำไปสู่การ ประท้วง ที่เขย่ามินนีแอโพลิสและอีกหลายเมืองทั่วประเทศ เมื่อคนออกมารวมตัวกันเพื่อแสดงความไม่พอใจต่อการกระทำที่ตำรวจใช้ความรุนแรงระหว่างจับกุม จอร์จ ฟลอยด์ และการประท้วงก็บานปลายเป็นจลาจล
ในเมืองอินเดียแนโพลิส ผู้ประท้วงถูกยิงโดยคนที่ไม่พอใจสถานการณ์ จนนำไปสู่การเสียชีวิตแรก 1 ราย และบาดเจ็บอีก 3 คน ในเมืองชิคาโก มีกลุ่มคนบางส่วนจุดไฟเผาอาคารร้านค้า มีการเวี้ยงสิ่งของใส่เจ้าหน้าที่ ทั้งฆ้อน พลั่ว หรือแม้แต่ปัสสาวะ เหตุการณ์ทวีความรุนแรงในช่วงคืนวันเสาร์จนมีคนถูกยิงเสียชีวิต 1 รายและมีคนบาดเจ็บจากการถูกยิง เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
ขณะที่ในเมืองนิวยอร์ก เช้าวันอาทิตย์ที่ 31 พฤษภาคม มีผู้ประท้วงกว่า 340 คนถูกจับกุม เจ้าหน้าที่ความมั่นคงลาดเจ็บ 33 คน และรถตำรวจเสียหาย 47 คัน บางคันถูกเผาทำลาย
จอร์จ ฟลอยด์ ชายผิวดำวัย 46 ปี เสียชีวิตในเมืองมินนีแอโพลิส รัฐมินนิโซตาของสหรัฐฯ หลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจใส่กุญแจมือ และถูกเจ้าหน้าที่ชื่อ เดเร็ก ชอวิน ใช้เข่ากดคอติดพื้น มีผู้เห็นเหตุการณ์บันทึกภาพวิดีโอไว้ได้ ขณะที่ฟลอยด์พูดซ้ำๆ ว่าเขาหายใจไม่ออกอยู่ถึงกว่า 3 นาทีจนหมดสติ
ผู้บัญชาการตำรวจมินนีแอโพลิส ได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ 4 นายที่เกี่ยวข้องกับการจับกุม จอร์จ ฟลอยด์ ออกจากหน้าที่ และได้เรียกร้องให้ FBI สำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐฯ เข้าสอบสวนเหตุการ์ที่เกิดขึ้น หลังการให้ปากคำของเจ้าหน้าที่ตำรวจแตกต่างไปจากวิดีโอที่มีการแชร์กันในโลกออนไลน์
คืนวันอังคาร ผู้ชุมนุมนับร้อยออกมารวมตัวกันบนถนนในเมืองมินนีแอโพลิส ผู้ประท้วงบางคนใช้สเปรย์สีพ่นใส่รถตำรวจ และจุดไฟเผาสถานีตำรวจของเจ้าหน้าที่ที่ร่วมจับกุมฟลอยด์
ในเมืองเมมฟิส การประท้วงบานปลายจนเจ้าหน้าที่ต้องปิดถนนบางส่วนชั่วคราว ส่วนในลองแองเจลิส ผู้ชุมนุมนับร้อยรวมตัวกันใจกลางเมืองและเดินเท้าไปศูนย์ราชการ มีผู้ประท้วงบางส่วนเข้ากีดขวางทางพิเศษสาย 101
ผู้ว่าการรัฐมินนิโซตา ทิม วอลซ์ ได้เริ่มใช้กองกำลังพลสำรองในการรับมือผู้ชุมนุม หลังเมืองมินนีแอโพลิสเกิดความเสียหายระหว่างการชุมนุม
วอลซ์ ระบุว่าจะส่งเจ้าหน้าที่ความมั่นคงหลายพันนายไปยังเมืองมินนีแอโพลิส แต่ไม่ได้ระบุว่ามีความช่วยเหลือจากกองทัพหรือไม่
“สถานการณ์ในมินีแอโพลิสไม่ได้เกี่ยวกับการฆาตรกรรม จอร์จ ฟลอยด์ อีกต่อไป แต่เป็นการโจมตีประชาสังคม สร้างความหวาดกลัว และทำให้เมืองของเราแตกร้าว” วอลซ์กล่าว
หลังเกิดการประท้วงติดต่อกันเป็นเวลา 2 วัน นายกเทศมนตรีเมืองมินนีแอโพลิส จาค๊อบ เฟรย์ ได้ทวีตข้อความเรียกร้องให้เกิดความสงบเรียบร้อย พร้อมระบุ ว่าจะมี “ความพยายามทุกทางเพื่อนำความสงบและความมั่นคงกลับคืนมา” พร้อมร้องขอให้ผู้ชุมนุมกลับบ้าน
ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ได้ทวีตผ่านบัญชีผู้ใช้ส่วนตัว @realDonaldTrump ระบุว่า ได้ร้องขอให้สำนักงานสอบสวนกลาง และกระทรวงยุติธรรม ดูเรื่องการสอบสวนการเสียชีวิตที่น่าสลดใจและน่าเศร้ามากๆ ของ จอร์จ ฟลอยด์ ในมินนิโซตา พร้อมส่งกำลังใจให้ครอบครัวและเพื่อนของฟลอยด์ และ ฟลอยด์จะได้รับความยุติธรรม
ประธานาธิบดีทรัมป์ยื่น “คำขาด” กับผู้ประท้วงในมินนีแอโพลิส ว่ากองทัพจะใช้กำลังเข้าควบคุมเหตุจลาจล และได้โพสต์ข้อความบนทวิตเตอร์ เรียกผู้ประท้วงว่านักเลง และระบุว่า “เมื่อเริ่มมีการปล้น การยิงก็จะเริ่ม”
แต่ทรัมป์ได้วิจารณ์นายกเทศมนตรีของมินนีแอโพลิส ซึ่งเป็นนักการเมืองพรรคเดโมแครต ว่าขาดภาวะการเป็นผู้นำ และหากนายกเทศมนตรี “ซ้ายจัดที่แสนอ่อนแอ” อย่าง จาค๊อบ ฟลอยด์ ควบคุมสถานการณ์ในเมืองมาได้ ทรัมป์จะส่งกองกำลังพิทักษ์ชาติเข้าไปทำงานให้สำเร็จ
ช่วงค่ำวันที่ 29 พฤษภาคม เกิดการประท้วงขึ้นในอีกหลายเมืองทั่วสหรัฐฯ
ผู้ชุมนุมประท้วงนับร้อยรวมตัวกันในเมืองแอตแลนตา สร้างความเสียหายให้อาคารในพื้นที่ ทั้งทุบกระจกหน้าต่าง และสเปรย์สีตามที่ต่างๆ นอกจากนี้ ยังเกิดการปะทะระหว่างผู้ประท้วงในนิวยอร์กและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บทั้งสองฝ่าย ผู้คนเดินเท้าประท้วงนับพัน และมีบางกลุ่มที่แยกตัวออกมาใช้ความรุนแรง ข้างปาขวดและสิ่งของอื่นๆ ใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งได้ตอบโต้ด้วนสเปรย์พริกไทย และการเข้าจับกุมผู้ก่อความไม่สงบ
ผู้ประท้วงส่วนหนึ่งรวมตัวหน้าทำเนียบขาวในกรุงวอชิงตัน ทำให้เจ้าหน้าที่ความมั่นคงต้องล็อกดาวน์อาคารที่ทำการ
ที่เมืองดีทรอยต์ มีผู้ประท้วงวัย 19 ปีรายหนึ่งเสียชีวิตจากเหตุคนร้ายยิงปืนเข้าใส่ผู้ชุมนุม
ผู้ประท้วงในเมืองดัลลัสปะทะกับตำรวจ ระหว่างที่พยายามขวางทางเข้าศาลากลาง เจ้าหน้าที่ตอบโต้ด้วยการใช้ก๊าซน้ำตาเมื่อผู้ประท้วงขวางรถและเข้าทุบหน้ารถ
อีกข่าวใหญ่คือนักข่าวผิวดำของสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นถูกตำรวจจับกุมมัดข้อมือโดยไม่แจ้งข้อกล่าวหา ไม่มีคำอธิบาย ขณะที่กำลังรายงานสดหน้ากล้องให้สถานี ทำให้กลายเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ทำให้ตำรวจมินนีแอโพลิสถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก
Police arrest CNN correspondent Omar Jimenez and crew on live television
CNN's Omar Jimenez was taken into police custody during a live broadcast at the site of the protests in Minneapolis, after clearly identifying himself to off...
หลังจาก 4 คืนแห่งความวุ่นวายในมินนีแอโพลิส เฟรย์ได้เรียกร้องให้ประชาชนอยู่บ้าน “สิ่งที่เริ่มด้วยการประท้วงอย่างสันติเพื่อ จอร์จ ฟลอยด์ ได้กลายเป็นการปล้น และการก่อการร้ายในพื่นที่”
เฟรย์กล่าวว่า ตอนนี้เมืองกำลังเผชิญหน้ากลับกลุ่มชาตินิยมผิวขาว “White Supremacist” กลุ่มองค์กรอาชญากรรม ผู้ก่อความไม่สงบจากรัฐอื่น และเป็นไปได้ว่าคนนอกที่เข้ามาทำลายและสร้างความสั่นคลอนให้เมืองมินนีแอโพลิส
เกิดเหตุคนร้ายยิงปืนเข้าใส่ผู้ชุมนุมในเมืองมินนีแอโพลิส ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บอีก 3 ราย และมีผู้เสียชีวิต 1 รายในเมือเซนต์หลุยส์ หลังผู้ประท้วงปิดทางหลวงสาย 44 จุดไฟและพยายามปล้นรถบรรทุกของ FedEx
ในเมืองชิคาโก มีผู้ถูกยิง 6 ราย และเสียชีวิตในคืนนั้น 1 ราย ขณะที่ชายอายุ 21 ปีในเมืองดีทรอยต์ถูกยิงเสียชีวิตขณะนั่งอยู่ในรถ เมื่อผู้ประท้วงรวมตัวกันบนถนน
จนถึงวันจันทร์ที่ 1 มิถุนายน 40 เมืองทั่วสหรัฐฯประกาศใช้เคอร์ฟิว มีการส่งกองกำลังพลสำรองประจำการใน 15 รัฐ และมีผู้ประท้วงทั่วสหรัฐฯถูกเจ้าหน้าที่จับกุมไปแล้วราว 4,000 คน
รัฐแคลิฟอร์เนียปิดทำการอาคารรัฐทั้งหมดในตัวเมือง ทั้งบริการออกใบขับขี่ ไปจนถึงบริการออกใบอนุญาตทำงานต่างๆ
กระทรวงต่างประเทศจีนระบุว่า การเหยียดผิวเป็น “โรคเรื้อรังในสังคมอเมริกัน” เหตุความไม่สงบที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นถึงความรุนแรงของปัญหาการเหยียดผิวและตำรวจใช้ความรุนแรงในสหรัฐฯ
กระทรวงต่างประเทศอิหร่าน เรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯและเจ้าหน้าที่ตำรวจหยุดความรุนแรง พร้อมกล่าวกับชาวอเมริกันว่า “โลกอยู่เคียงข้างพวกคุณ”
ประชาชนในหลายประเทศต่างออกมาชุมนุมประท้วงเช่นกัน ทั้งในกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร เมืองโอ๊คแลนด์ เวลลิงตัน และไครสต์เชิร์ชในนิวซีแลนด์ กรุงเบอร์ลินของเยอรมนี เมืองซิดนีย์ บริสเบน และเมลเบิร์นในออสเตรเลีย
ภาพจาก XinhuaThai