สหรัฐฯ ไม่เชิญไทย ประชุมสุดยอดประชาธิปไตย เพราะผู้มีอำนาจ หลอกโลกไม่ได้

SpringNews สัมภาษณ์ “รัศม์ ชาลีจันทร์” อดีตเอกอัครราชทูต และเจ้าของเพจ ทูตนอกแถว The Alternative Ambassador กรณีไทยไม่ได้รับเชิญเข้าร่วมการประชุมสุดยอดประชาธิปไตย ได้สะท้อนความเป็นจริง และสิ่งที่โลกเห็น เกี่ยวกับประเทศไทยอย่างไรบ้าง โดยทูตนอกแถวได้แสดงความคิดเห็น ดังต่อไปนี้  

ตอกย้ำความตกต่ำของประชาธิปไตยในประเทศไทย ในสายตาชาวโลก

ทูตนอกแถว เล่าว่าในอดีตไทยเคยได้รับการยกย่องให้เป็นผู้นำประชาธิปไตยในภูมิภาคอาเซียน แต่จากกรณีที่สหรัฐฯ เชิญ 110 ประเทศเข้าร่วมประชุมสุดยอดประชาธิปไตย แต่ไม่เชิญไทย ก็เสมือนเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงความตกต่ำด้านประชาธิปไตยในประเทศไทย ที่ยากจะปฏิเสธได้

“เท่าที่ผมเห็นในข่าว ประเทศที่ไม่ได้รับเชิญ ก็มีประเทศในกลุ่มคอมมิวนิวต์ ซึ่งก็มีไม่กี่ประเทศในโลก นอกนั้นเป็นกลุ่มประเทศที่มองว่าตัวเองเป็นประชาธิปไตย แต่เป็นส่วนน้อย ส่วนใหญ่เขาเชิญ 110 ประเทศ

“สำหรับไทย ก็เป็นการตอกย้ำให้เห็นว่าสถานะของไทยตกต่ำ จนเขาไม่เชิญ เพราะไทยเคยเป็นผู้นำประชาธิปไตยในภูมิภาคอาเซียน เป็นประเทศตัวอย่างที่เคยได้รับความชื่นชม มันจึงเป็นตัวชี้วัดให้เห็นว่า สถานะของประเทศเรา เขาไม่อยากคบค้าสมาคม ก็กึ่งรังเกียจแหละนะ ไม่อยากคบด้วย

“สิ่งที่เกิดขึ้นในบ้านเรา ที่เราบอกว่าเป็นประชาธิปไตย แม้จะพูดว่ามีการเลือกตั้ง มีสิทธิมนุษยชน แต่ประเทศอื่นๆ ก็มีมาตรวัดของเขาเช่นกัน ไม่ใช่เราพูดอะไรแล้ว ประเทศอื่นจะต้องเชื่อตาม จึงเป็นที่มาของการไม่เชิญไทยเข้าร่วมประชุมฯ ซึ่งผมคิดว่าน่าอับอายพอสมควร จากที่เราเคยเป็นผู้นำด้านประชาธิปไตยในภูมิภาคอาเซียนมาก่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• คุยกันสไตล์ฮาร์ดคอร์ : ตัวตนและทัศนะของทูตนอกแถว "รัศม์ ชาลีจันทร์"

• รายชื่อประเทศอาเซียน สหรัฐฯ เชิญประชุมสุดยอดเพื่อประชาธิปไตย ไร้ชื่อไทย

• สหรัฐไม่เชิญไทยประชุมสุดยอดเพื่อประชาธิปไตย สุทินคาด เหตุ ดอนเยือนเมียนมา

ผู้มีอำนาจพยายามหลอกตัวเอง ว่าไทยเป็นประชาธิปไตย แต่หลอกโลกไม่ได้

ด้วยปัจจุบัน ประชาธิปไตย ได้กลายเป็นมาตรฐานของโลก ฉะนั้นการที่ไทยถูกมองว่า ไม่มีความเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง จึงส่งผลกระทบด้านต่างๆ มากมาย และแม้ที่ผ่านมา ผู้มีอำนาจจะหลอกตัวเองได้ แต่ไม่สามารถหลอกโลกได้

“ผมคิดว่าผู้มีอำนาจของเราพยายามหลอกทั้งตัวเอง และหลอกทั้งโลก แต่หลอกโลกไม่สำเร็จ เพราะนี่คือสิ่งที่เขาเห็น

“คุณหลอกโลกไม่ได้หรอกว่าคุณเป็นประชาธิปไตย พอหลอกไม่ได้ ก็มาหลอกตัวเองว่า เราเป็นประชาธิปไตย มีสิทธิมนุษยชน ไปพูดแก้ตัวน้ำขุ่นๆ กับสหประชาชาติ (นำเสนอรายงานประเทศทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชน ภายใต้กลไก Universal Periodic Review ของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ) ซึ่งเขาจะฟังหรือเชื่อแค่ไหนก็เป็นอีกประเด็นหนึ่ง โดยก็เห็นอยู่แล้ว หลอกโลกไม่สำเร็จ เพราะไม่มีใครเชื่อกัน

“ผมอยากฝากข้อคิดไว้ เราเห็นจำนวนประเทศที่เข้าประชุม 110 ประเทศ จึงต้องเข้าใจก่อนว่า ในปัจจุบันความเป็นประชาธิปไตย คือบรรทัดฐานของโลก ที่เคยบอกว่า ประชาธิปไตยกินไม่ได้ แต่ปัจจุบันประชาธิปไตยกินได้ และมีส่วนสำคัญในการสร้างความกินดีอยู่ดีให้กับประชาชน

“เพราะประชาธิปไตยกลายเป็นบรรทัดฐานของโลกไปแล้ว เราไม่ได้พูดถึงเรื่องการเมืองอย่างเดียว แต่กำลังพูดถึงเรื่องเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน เพราะพันกันไปหมด เรื่องความโปร่งใส ธรรมาภิบาล การตรวจสอบ สิ่งเหล่านี้ในการทำธุรกิจ ผูกโยงกับประชาธิปไตย ยิ่งคุณมีความเป็นประชาธิปไตยเท่าไหร่กฎระเบียบต่างๆ ก็จะเป็นไปด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ มีธรรมาภิบาล สิ่งเหล่านี้เป็นบรรทัดฐานที่บริษัทใหญ่ๆ ทั่วโลกให้ความสำคัญ

“สังคมโลก ส่วนใหญ่เป็นประชาธิปไตย ฉะนั้นตราบใดที่เราไม่เป็นประชาธิปไตย หรือคนอื่นมองว่าเราไม่เป็นประชาธิปไตย โอกาสที่จะสร้างความกินดีอยู่ดี การทำมาค้าขายกับประเทศอื่น มันก็จะน้อยลงไปตามลำดับ ตราบใดที่เรายังไม่สามารถพิสูจน์ให้โลกเห็นว่า เราเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ก็ยากที่เราจะสามารถคบค้ากับใครได้อย่างจริงจัง”

รมว.ต่างประเทศ เยือนเมียนมา ทำให้ภาพลักษณ์ประชาธิปไตยในไทย ยิ่งย่ำแย่

และจากกรณีที่ ดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เยือนเมียนมา ก็สะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลไทยไม่แคร์ความรู้สึกของคนในประเทศ และไม่แคร์สายตาชาวโลก

“ที่คุณดอนไปเยือนเมียนมา ผมก็ยังไม่เห็นความจำเป็นเลยว่า ไปทำไม ? เพราะยิ่งทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศย่ำแย่ เมียนมาบอกว่า มีผู้แทนพิเศษจากจีนไป จากญี่ปุ่นไป ขนาดประเทศใหญ่อย่างจีน เขายังส่งแค่ผู้แทนพิเศษ ไม่ได้ส่งระดับรัฐมนตรีไป เพราะเขายังแคร์ความรู้สึกของโลก

“แต่ประเทศไทย ส่งระดับรองนายกฯ ระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ไปเลย มีประเทศเดียวนะ แล้วที่มาอ้างว่า ไทยมีพรมแดนติดกับเมียนมา มีความจำเป็นต้องคบกับเมียนมา แต่เมียนมาไม่ได้มีพรมแดนติดกับไทยประเทศเดียวนะ ติดกับลาว ติดกับบังคลาเทศ ติดกับอินเดีย แต่ไม่มีใครส่งไปเลย แล้วทำไมไทยต้องส่งคุณดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ไปด้วย ?

“สิ่งเหล่านี้ทำให้ภาพลักษณ์ของไทยในสายตาโลก ยิ่งย่ำแย่หนักเข้าไปอีก ในขณะที่ทุกคนรังเกียจรัฐบาลเผด็จการทหารเมียนมา เรากลับไปให้การสนับสนุน เอาความช่วยเหลือไปให้ ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่ารัฐบาลชุดนี้เข่นฆ่าประชาชน แล้วสิ่งที่เราเอาไปช่วยเหลือ เขาจะเอาไปช่วยเหลือประชาชนจริงเหรอ ?

“และที่มีข่าวออกมาจากทางเมียนมาว่า เอาวัคซีนไปให้ด้วย มันก็เหมือนไม่แคร์ความรู้สึกของคนในประเทศ ซึ่งการที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของไทย ไปเยือนเมียนมา ยังสร้างความเสียหายในแง่ของความเป็นพันธมิตรอาเซียนด้วย เพราะอาเซียนตกลงกันแล้ว มีมติออกมาแล้ว 5 ข้อในเรื่องเมียนมา ดังนั้นที่คุณดอนเดินทางไปเยือนเมียนมา มันก็เท่ากับแหกกฎของอาเซียน ซึ่งไทยก็ไปตกลงด้วยนะ แล้วเราก็ไม่ปฏิบัติตามซะเอง”