SHORT CUT
ชวนรู้จัก DeepSeek สร้างคลื่นใต้น้ำในวงการ AI! โมเดล AI ต้นทุนต่ำจากจีนท้าทายความยิ่งใหญ่ของ Nvidia และ OpenAI ฉุดตลาดหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐร่วง ซึ่งอาจเปิดโอกาสให้ผู้เล่นรายใหม่เข้ามาแข่งขันในตลาด AI ที่เคยถูกผูกขาด
ถือว่าเป็นประเด็นที่ร้อนแรงเป็นอย่างมากในแวดวงปัญญาประดิษฐ์ AI เมื่อ DeepSeek สร้างความฮือฮาด้วยการเปิดตัวโมเดล DeepSeek-R1 ที่มีประสิทธิภาพเหนือกว่าโมเดลชั้นนำอย่าง OpenAI o1 ในด้านการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์และการให้เหตุผล และที่สำคัญ กระแสข่าวที่ออกมาทำให้ DeepSeek ตอนนี้ขึ้นอันดับ 1 แอปยอดนิยมของ App Store ในสหรัฐอเมริกา แซงหน้า ChatGPT ไปเรียบร้อยแล้วด้วย
ทั้งนี้ DeepSeek คือบริษัทสตาร์ทอัพด้าน AI ของจีน ก่อตั้งโดย Liang Wenfeng โดยเปิดตัวเมื่อเดือนพฤษภาคม 2023 บริษัทได้พัฒนาโมเดล AI หลายตัวซึ่งเป็นที่กล่าวถึงอย่างมากในวงการเทคโนโลยี โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา โมเดลที่ DeepSeek พัฒนาขึ้นมามีประสิทธิภาพสูงแต่มีต้นทุนการพัฒนาที่ต่ำกว่าโมเดลของบริษัทอื่นๆ
โดย DeepSeek-R1 เป็นโมเดล AI ตัวล่าสุดที่เพิ่ง เปิดตัวในเดือนมกราคม 2025 เน้นด้านงานที่เกี่ยวข้องกับการให้เหตุผล (Reasoning Tasks) และเป็นคู่แข่งสำคัญของโมเดล o1 ของ OpenAI โมเดลนี้มีความโดดเด่นในด้านการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์และการให้เหตุผล และเป็นโอเพนซอร์สที่เปิดโอกาสให้วงการวิจัยทั่วโลกเข้าถึงและพัฒนาต่อได้
DeepSeek-R1 คือโมเดล AI สุดล้ำจากบริษัท DeepSeek ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2025 หลังจากมีข่าวลือเกี่ยวกับการพัฒนาโมเดลนี้ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2024 โดย DeepSeek ยืนยันว่าโมเดลนี้จะเป็น โอเพ่นซอร์ส และเปิด API ให้ผู้ใช้งานทั่วไปสามารถเข้าถึงและใช้งานเทคโนโลยี AI ขั้นสูงได้อย่างง่ายดาย
DeepSeek-R1 โดดเด่นด้วยประสิทธิภาพที่เหนือกว่าโมเดลชั้นนำอย่าง OpenAI o1 ในการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์และการให้เหตุผล พร้อมเปิดโอกาสให้ชุมชนวิจัยทั่วโลกนำไปต่อยอดเพื่อพัฒนาเทคโนโลยี AI ใหม่ๆ ได้ โมเดล DeepSeek-R1-Lite-Preview ยังแสดงให้เห็นศักยภาพที่สามารถเทียบเคียงกับ OpenAI o1-preview ในการทดสอบมาตรฐานอย่าง AIME และ MATH ซึ่งใช้วัดความสามารถของ AI
อย่างไรก็ตาม DeepSeek-R1 ยังมีจุดที่ต้องปรับปรุง เช่น การแก้ปัญหาเกมง่ายๆ อย่าง tic-tac-toe ซึ่งเป็นจุดอ่อนที่คล้ายกับ OpenAI o1 แต่ในภาพรวมถือว่าเป็นก้าวสำคัญของ AI ฝั่งจีน
อย่างไรก็ตาม DeepSeek พุ่งชนความสำเร็จในระยะเวลาอันสั้น แต่บริษัทยังคงมุ่งเน้นด้านการวิจัยเป็นหลัก และยังไม่มีแผนการเชิงพาณิชย์ในวงกว้างในอนาคตอันใกล้
DeepSeek อ้างว่า โมเดลที่ออกแบบมามีต้นทุนในการพัฒนาที่ต่ำกว่าโมเดลของเจ้าอื่น ๆ โดยมีต้นทุนที่ราว 5.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และหากเทียบกับเจ้าอื่นที่ใช้หลายร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ ต้นทุนของ DeepSeek จึงต่ำมาก
DeepSeek มีข้อได้เปรียบตรงที่มีงานวิจัยของตัวเองและยังมี Open-Source อย่างเช่น PyTorch และ Llama จาก Meta อีกด้วย และ DeepSeek มี ประสิทธิภาพเหนือคู่แข่งในต้นทุนที่ต่ำกว่า , การสนับสนุนโอเพ่นซอร์ส และ ประสบความสำเร็จได้ ท่ามกลางข้อจำกัด
ที่มา : techcrunch bloomberg