SHORT CUT
รู้หรือไม่ มีกล้อง AI ช่วยตรวจจับไฟป่าแคลิฟอร์เนีย ช่วยผ่อนปัญหาหนักๆให้กลายเป็นเบา - ช่วยให้เจ้าหน้าที่เข้าถึงจุดลุกลามได้ไวขึ้น และปัญหาได้เร็วขึ้น
ไฟป่าในลอสแอนเจลิส สหรัฐฯ ยังคงลุกลามอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลาเกือบสัปดาห์แล้ว โดยจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 16 คน และมีพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายเกือบ 1 แสนไร่ และ เจ้าหน้าที่เขตลอสแอนเจลิสเคาน์ตี รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐฯ ยืนยันว่า พบผู้เสียชีวิตจากไฟป่าอีตัน (Eaton Fire) และ ไฟป่าพาลิเซดส์ (Palisades Fire) ทั้งหมดเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 16 คนแล้ว
แต่รู้หรือไม่ว่า ในมุมของเทคโนโลยีแล้ว , ก็ได้ มีการใช้เทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาช่วยบรรเทาสถานการณ์ รวมถึงใช้เทคโนโลยีในการช่วยควบคุมสถานการณ์ไฟป่าที่เกิดขึ้นให้มากที่สุดด้วย
ในช่วงที่เจ้าหน้าที่ไฟป่ากำลังสู้รบกับไฟที่โหมกระหน่ำนั้น , แต่อีกด้านหนึ่ง ก็มีการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย , แม้ เทคโนโลยีที่มองไม่เห็น แต่มีบทบาทสำคัญ เช่นกัน อย่างเช่น กล้องเฝ้าระวังจากโครงการ ALERTCalifornia ของ UC San Diego ซึ่งมีกล้องกว่า 1,140 ตัวทั่วรัฐ
ถ้าหากไม่มีเจ้ากล้องพวกนี้อยู่ ป่านนี้สถานการณ์อาจจะรุนแรงบานปลายไปมากกว่านี้อีกหลายเท่าก็ได้ โดยเจ้าหน้าที่ดับเพลิงในออเรนจ์เคาน์ตี้รายงานว่า ระบบดังกล่าวช่วยตรวจจับไฟป่าได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ทำให้ควบคุมไฟได้ก่อนที่จะลุกลาม
ทั้งนี้ โครงการ ALERTCalifornia เป็นโครงการเฝ้าระวังและจัดการภัยพิบัติที่ริเริ่มโดยมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานดิเอโก (UC San Diego) ซึ่งติดตั้งกล้องกว่า 1,140 ตัว กระจายอยู่ทั่วรัฐแคลิฟอร์เนีย โดยมีจุดมุ่งหมายหลักเพื่อช่วยตรวจจับและตอบสนองต่อภัยธรรมชาติ เช่น ไฟป่า น้ำท่วม ดินถล่ม และเหตุฉุกเฉินอื่น ๆ ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
• กล้องคุณภาพสูง:
กล้องเหล่านี้ติดตั้งในพื้นที่สำคัญ เช่น บนยอดเขาและพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง เพื่อครอบคลุมการมองเห็นที่กว้างและครอบคลุมทุกทิศทางในรัฐ
- สามารถหมุนได้ 360 องศา
- ซูมและแสดงผลด้วยความคมชัดสูง (4K หรือมากกว่า)
- มีเซ็นเซอร์จับความร้อนเพื่อตรวจจับอุณหภูมิที่สูงผิดปกติ
• การใช้ AI และ Machine Learning: ระบบของโครงการใช้ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ในการวิเคราะห์ภาพเพื่อระบุสัญญาณของไฟป่าหรือเหตุการณ์อื่น ๆ ได้อย่างรวดเร็ว โดยลดความจำเป็นในการตรวจสอบด้วยคน
• การเชื่อมโยงข้อมูลเรียลไทม์:
ข้อมูลจากกล้องส่งไปยังศูนย์ควบคุมแบบเรียลไทม์ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น นักผจญเพลิง หรือหน่วยกู้ภัย ตัดสินใจได้อย่างทันท่วงที
- ลดเวลาตอบสนองต่อภัยพิบัติ: ช่วยระบุจุดเริ่มต้นของไฟป่าหรือภัยธรรมชาติอื่น ๆ ได้ในเวลาเพียงไม่กี่นาที
- ลดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สิน: ช่วยป้องกันการขยายตัวของไฟป่าและจัดการภัยพิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ส่งเสริมความยั่งยืน: เป็นเครื่องมือสำคัญในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
- โครงการนี้ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของการนำ เทคโนโลยีขั้นสูง มาใช้เพื่อประโยชน์ในด้านความปลอดภัยและการจัดการภัยพิบัติในอนาคต
นอกจากนี้ ก็ยังมีเทคโนโลยีอื่นๆ ที่มีส่วนช่วยเหลือในการดับไฟป่า อาทิ ดาวเทียมและโดรนก็มีบทบาทสำคัญ โดยให้ภาพเปรียบเทียบก่อนและหลังไฟไหม้ , นอกจากนี้ ก็ยังมี ธุรกิจสตาร์ทอัพก็เริ่มเข้ามามีบทบาท เช่น Pano AI ที่เน้นการตรวจจับไฟเร็วขึ้นและควบคุมทันทีในแคลิฟอร์เนีย
ที่มา : alertcalifornia.org businessinsider
ข่าวที่เกี่ยวข้อง