SHORT CUT
งานแสดงสินค้าเทคโนโลยี CES 2025 ที่นครลาสเวกัส เปิดตัว Halliday แว่นตาอัจฉริยะที่มาพร้อมกับผู้ช่วย AI และจอแสดงผลขนาดจิ๋วซ่อนอยู่ที่กรอบ ขนาดเล็กและเบาที่สุดในโลก
Halliday บริษัทสตาร์ทอัพเทคโนโลยีสวมใส่ได้ เปิดตัว Halliday Glasses แว่นตาอัจฉริยะที่มาพร้อมกับระบบช่วยเหลือ AI เชิงรุก และจอแสดงผลใกล้ตาที่แสดงข้อมูลโดยตรงในขอบเขตการมองเห็นของผู้ใช้ ในงานแสดงสินค้าและเทคโนโลยี CES 2025 ซึ่งจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในนครลาสเวกัส รัฐเนวาดาของสหรัฐฯ ระหว่างวันที่ 7 - 11 ม.ค. 2025
Halliday ระบุว่า จอ “DigiWindow” ที่มุมขวาบนของกรอบแว่นเป็นโมดูลแสดงภาพระยะใกล้ที่มีขนาดเล็กและเบาที่สุดในโลก ตลอดจน สามารถแสดงผลข้อมูลแก่ผู้ที่สวมใส่ได้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่มีสายตาปกติหรือผู้ที่มีปัญหาทางสายตา โดยจอแสดงผลดังกล่าวจะปรากฏเป็นหน้าจอขนาด 3.5 นิ้วที่มุมขวาบนของกรอบแว่นโดยมีสิ่งกีดขวางน้อยที่สุดและสามารถมองเห็นได้แม้อยู่กลางแดดจ้า
จอแสดงผลบนกรอบแว่นตาทำงานร่วมกับผู้ช่วย AI ที่สามารถคาดการณ์ถึงสิ่งที่ผู้ใช้งานต้องการ ด้วยการวิเคราะห์การสนทนา การตอบคำถามและให้ข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมโดยไม่จำเป็นต้องป้อนข้อมูลลงไป ตัวอย่างเช่น ในระหว่างการประชุม แว่นอัจฉริยะที่มาพร้อมกับผู้ช่วย AI สามารถตอบคำถามที่มีความซับซ้อน สรุปประเด็นสำคัญในการอภิปรายและสร้างบันทึกสรุปการประชุมได้ในภายหลัง
ผู้ช่วย AI ของแว่นจำเป็นต้องเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านบลูทูธ แต่บริษัท Halliday ยังไม่ได้เปิดเผยว่าจะนำโมเดล AI ใดมาใช้กับแว่น หรือมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องหรือไม่
สำหรับผู้ช่วย AI ดังกล่าวบนแว่นตาอัจฉริยะของ Halliday มาพร้อมกับฟีเจอร์การแปลภาษาด้วย AI แบบเรียไทม์ได้มากถึง 40 ภาษา การนำทางแบบเรียลไทม์ การแปลงเสียงพูดเป็นบันทึกข้อความ และการแสดงเนื้อเพลงที่ขึ้นเป็นจังหวะเดียวกับเพลง เมื่อฟังเพลง ผู้ใช้ยังสามารถดูและตอบกลับข้อความ สร้างบันทึกเสียงและแสดงบันทึกต่าง ๆ ได้เหมือนกับเครื่อง Teleprompter หรือเครื่องบอกบทด้วย
จอแสดงผลใกล้ตาของแว่นตาอัจฉริยะนี้ รองรับเลนส์แว่นที่ต้องสั่งตัดโดยแพทย์หรือผู้ใช้จะเลือกใส่เฉพาะกรอบก็ได้ โดยข้อมูลที่แสดงผลจะไม่ปรากฏให้ผู้อื่นเห็นและสามารถควบคุมได้โดยใช้คำสั่งเสียง การควบคุมเฟรมอินเทอร์เฟซหรือควบคุมด้วยแหวนที่มีแทร็คแพดในตัว
Halliday ระบุว่า แว่นตาอัจฉริยะรุ่นเรือธงของบริษัทมีน้ำหนัก 35 กรัมและมีอายุการใช้งานแบตเตอรี่สูงสุด 8 ชั่วโมง โดยมี 2 สีให้เลือก คือ สีดำด้านหรือสีกระ คาดเตรียมวางจำหน่ายหลังจบงาน CES 2025 และเริ่มจัดส่งได้ภายในช่วงสิ้นไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ ด้วยสนนราคาระหว่าง 399 ดอลลาร์ – 499 ดอลลาร์ (ราว 13,791 - 17,247 บาท) ซึ่งแพงกว่าแว่นตาที่ไม่มีจอแสดงผลของคู่แข่ง อย่าง แว่นตา Ray Ban Meta ที่มีราคา 299 ดอลลาร์ (ราว 10,337 บาท) และ Solos AirGo Vision
ที่มา : The Verge