SHORT CUT
AI เปรียบเสมือนสมองขององค์กร แต่การที่จะทำให้สมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ จำเป็นต้องมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงรองรับ และแม้ AI จะเป็นเรื่องใหม่ แต่ถ้าเราไม่เริ่มลงมือทำตั้งแต่วันนี้ เราอาจพลาดโอกาสในการนำนวัตกรรมมาสร้างประโยชน์ให้กับธุรกิจและชีวิตประจำวัน
ในขณะที่ AI กำลังเป็นกระแสร้อนแรงที่เข้ามามีบทบาทในทุกภาคส่วนของธุรกิจทั่วโลก ดร.อารักษ์ สุธีวงศ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCBX เปิดเผยว่าแม้ผลสำรวจจะชี้ว่าเกือบ 90% ของ CEO ทั่วโลกเชื่อว่า AI จะมีผลกระทบต่อธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญ แต่มีเพียง 9% เท่านั้นที่สามารถประยุกต์ใช้ AI ได้ตามเป้าหมายและทั่วทั้งองค์กร สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายในการนำ AI มาใช้งานจริง
“วิสัยทัศน์ที่ปราศจากการลงมือทำจะเป็นเพียงความฝัน การจะทำให้ AI ซึ่งเปรียบเสมือนสมองสร้างการเปลี่ยนแปลงได้จริง องค์กรจำเป็นต้องมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงรองรับ”
ดร.อารักษ์ กล่าว พร้อมเผยถึงแนวทางที่เรียกว่า “Building Corporate AI Muscles” หรือ “การสร้างกล้ามเนื้อองค์กรเพื่อรองรับ AI” ซึ่งกลุ่ม SCBX ได้เรียนรู้และสามารถช่วยขับเคลื่อนองค์กรด้วย AI ใน 5 มิติสำคัญ
SCBX ให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรทั้ง 3 ระดับ เริ่มจากคณะกรรมการที่จะได้รับการอัปเดตความรู้ด้านเทคโนโลยีผ่านการดูงานต่างประเทศ เพื่อศึกษาความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีในต่างประเทศ ขณะที่ระดับผู้บริหารมีการผลักดันนโยบาย AI-first Organization อย่างเข้มข้น
สำหรับพนักงานทั่วทั้งกลุ่ม SCBX กว่า 30,000 คน ได้ริเริ่ม AI Literacy Program ที่ครอบคลุมตั้งแต่การใช้งานพื้นฐานอย่าง ChatGPT ไปจนถึงการพัฒนาโมเดล AI “เป้าหมายของเราคือการทำให้พนักงานทุกคนเข้าใจว่า AI คืออะไร ใช้อย่างไร และไม่ควรใช้ในกรณีใด เพราะความสำเร็จของ AI ไม่ได้อยู่ที่เทคโนโลยีอย่างเดียว แต่อยู่ที่คนที่จะใช้งานมันด้วย” ดร.อารักษ์ อธิบาย
“ในโลกของ AI ข้อมูล คือ จุดแข็งที่แท้จริงขององค์กร เพราะแม้ใครๆ ก็เข้าถึง ChatGPT หรือ Gemini ได้ แต่โมเดลเหล่านี้ไม่มีข้อมูลภายในของบริษัทเรา” ดร.อารักษ์ กล่าว พร้อมเผยว่า SCBX ได้จัดตั้งบริษัท เอสซีบี เดต้า เอกซ์ (DataX) ขึ้นมาเพื่อรวบรวมและจัดการข้อมูลจากทุกบริษัทในเครือ ภายใต้กรอบกฎหมาย PDPA โดยมุ่งเน้นแนวทาง data-centric แทนที่จะเป็น model-centric เพื่อใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูลขนาดใหญ่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
“เราไม่จำเป็นต้องสร้างโมเดลให้เก่งกว่า ChatGPT แต่เราต้องทำข้อมูลของเราให้พร้อมที่สุดเพื่อใช้กับโมเดลที่มีอยู่” ดร.อารักษ์ อธิบายถึงแนวคิดการจัดการข้อมูลของกลุ่ม SCBX
ตัวอย่างความสำเร็จที่โดดเด่นของกลุ่ม SCBX คือ การพัฒนาโมเดลภาษาไทยขนาดใหญ่ "Typhoon" โดย SCB 10X ซึ่งเป็นบริษัทลูก ได้ถูกนำมาประยุกต์ใช้ในการตรวจสอบการขายผลิตภัณฑ์ทางการเงินตามเกณฑ์การบริหารจัดการด้านการให้บริการแก่ลูกค้าอย่างเป็นธรรม (Market conduct) “จากเดิมที่ต้องใช้การสุ่มตรวจ เราสามารถใช้ AI มาช่วยตรวจสอบความถูกต้องของการนำเสนอผลิตภัณฑ์ได้แม่นยำถึง 92% ของธุรกรรมทั้งหมดที่เกิดขึ้น ทำให้ทั้งลูกค้า พนักงาน และหน่วยงานกำกับดูแลมั่นใจได้ว่าการนำเสนอผลิตภัณฑ์เป็นไปตามมาตรฐานและถูกต้องตามเกณฑ์ที่กำหนด” ดร.อารักษ์ กล่าว
SCBX สร้างวัฒนธรรมที่ส่งเสริมและสนับสนุนให้พนักงานได้แสดงศักยภาพผ่านกิจกรรมต่างๆ ตลอดทั้งปี และเมื่อเร็วๆ นี้ได้มีการจัดการแข่งขัน SCBX AI Battle ที่เปิดโอกาสให้พนักงานนำเสนอไอเดียการนำ AI มาประยุกต์ใช้ในการทำงาน โดยทีมชนะเลิศได้ไปศึกษาดูงานที่ Singapore Fintech Festival “เราต้องสร้างวัฒนธรรมที่เปิดโอกาสให้พนักงานกล้าทดลอง กล้าเสี่ยงภายใต้กรอบที่เหมาะสม นวัตกรรมถึงจะเกิดขึ้นได้ ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นวัฒนธรรมองค์กรที่สำคัญมากในการรองรับนวัตกรรม” ดร.อารักษ์ เน้นย้ำ
เพื่อขับเคลื่อนประสานและผลักดันการใช้ AI ทั่วทั้งองค์กรอย่างเป็นระบบ SCBX จึงจัดตั้งหน่วยงานกลางขึ้น “การมีศูนย์กลางช่วยให้เราแชร์ไอเดีย ลดความซ้ำซ้อน และสร้างการเรียนรู้ร่วมกัน ทำให้องค์กรขับเคลื่อนไปพร้อมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ” ดร.อารักษ์ กล่าวเพิ่มเติม
"AI เปรียบเสมือนสมองขององค์กร แต่การที่จะทำให้สมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ จำเป็นต้องมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงรองรับ และแม้ AI จะเป็นเรื่องใหม่ แต่ถ้าเราไม่เริ่มลงมือทำตั้งแต่วันนี้ เราอาจพลาดโอกาสในการนำนวัตกรรมมาสร้างประโยชน์ให้กับธุรกิจและชีวิตประจำวัน"
ดร.อารักษ์ กล่าว พร้อมย้ำว่า SCBX มุ่งมั่นที่จะเดินหน้าพัฒนาทั้ง 5 กล้ามเนื้อนี้อย่างต่อเนื่องในปีหน้า เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันขององค์กรและภาพรวมของประเทศต่อไป