SHORT CUT
Google อัปเกรด Gemini ให้ฉลาดขึ้นด้วยฟีเจอร์ "ความจำ" จดจำข้อมูลส่วนตัวและความชอบ ยกระดับประสบการณ์การใช้งานแบบเหนือชั้น พร้อมตั้งคำถามถึงความปลอดภัยและอนาคตของ AI
Google พัฒนาแชทบอท Gemini ให้ใช้งานได้สะดวกสบายกว่าเดิม ด้วยการเพิ่มฟีเจอร์ "ความจำ (Memory)" คล้ายกับ ChatGPT โดย Gemini จะสามารถจดจำข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ เช่น ชื่อ อาชีพ, ความชอบ และนำข้อมูลเหล่านี้มาปรับใช้ในการตอบคำถามหรือให้คำแนะนำต่างๆ เช่น หากคุณบอก Gemini ว่าชอบทานอาหารไทย ครั้งต่อไปที่คุณถามถึงร้านอาหาร Gemini ก็จะสามารถแนะนำร้านอาหารไทยให้ได้
Rolling out starting today, you can ask Gemini Advanced to remember your interests and preferences for more helpful, relevant responses. Easily view, edit, or delete any information you've shared, and see when it’s used.
— Google Gemini App (@GeminiApp) November 19, 2024
Try it in Gemini Advanced → https://t.co/Yh38BPvqjp pic.twitter.com/gR354OZxnV
ฟีเจอร์ความจำ (Memory) นี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาแชทบอท Gemini โดยจะช่วยยกระดับประสบการณ์การใช้งานให้มีความเป็นส่วนตัวสูง เสมือนมีผู้ช่วยส่วนตัวที่เข้าใจและสามารถตอบสนองความต้องการได้อย่างตรงจุดมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์ใหม่นี้ของ Gemini ให้บริการเฉพาะสมาชิก Google One AI Premium ซึ่งมีค่าใช้จ่าย 20 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน (ประมาณ 750 บาท) และรองรับแค่ภาษาอังกฤษเท่านั้น ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงฟีเจอร์นี้ได้ผ่านเว็บไซต์ ยังไม่รองรับการใช้งานบนแอปพลิเคชัน iOS และ Android
Google ยืนยันว่าข้อมูลส่วนบุคคลที่ระบบบันทึกไว้จะไม่ถูกนำไปใช้เพื่อการฝึกอบรมโมเดล AI และผู้ใช้งานสามารถลบข้อมูลดังกล่าวได้ตลอดเวลาตามความประสงค์
การแข่งขันระหว่าง Google และ OpenAI กำลังดุเดือด แต่ละค่ายต่างงัดกลยุทธ์เพื่อช่วงชิงความเป็นหนึ่งในตลาด ซึ่ง Gemini มีข้อได้เปรียบในการเข้าถึงและเชื่อมต่อกับบริการต่างๆ ของ Google เช่น Search, Gmail, Maps โดยฝั่งคู่แข่งอย่าง ChatGPT มีฐานผู้ใช้งานจำนวนมากและได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบในการพัฒนาและปรับปรุงโมเดล
Gemini และ ChatGPT ต่างเป็น AI Chatbot ที่มีศักยภาพสูง การแข่งขันระหว่างทั้งสองค่ายจะผลักดันให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ และยกระดับ AI ให้มีความสามารถมากขึ้น ผู้ใช้งานจะเป็นผู้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการแข่งขันนี้ ด้วย AI Chatbot ที่มีประสิทธิภาพ ตอบสนองความต้องการได้หลากหลาย และเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
ที่มา : TechCrunch, The Verge