Facebook แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่เคยโด่งดังและเป็นที่หนึ่งในระดับโลก แต่ทำไมปัจจุบันผู้ใช้กลับลดลง และต่อให้เร่งพัฒนามอัปเดตต่างๆ ก็กลับแย่ลง วันนี้เราจะมาวิเคราะห์ว่ามีปัจจัยอะไรบ้าง ที่ทำให้เฟซบุ๊กอาจถึงจุดจบในเร็วๆนี้
เริ่มจาก มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก เจ้าของเครือ Meta ซึ่งเป็นคนวางแผนการทำงานต่างๆ ทำให้เบื้องหลังการทำงานต่างๆของทุกแอปพลิเคชั่นตกอยู่ภายใต้ทิศทางของมาร์ค
ขณะนี้มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ให้ความทุ่มเทและสนใจกับเทคโนโลยีเมตาเวิร์ส หรือว่าโลกเสมือนจริงเป็นพิเศษ แต่ดูเหมือนจะถูกชะลอด้วยเศรษฐกิจและปัญหาเศรษฐกิจต่างๆของบริษัททั่วโลกพบกัน ไม่ว่าจะเป็น โรคระบาด , สงครามรัสเซียยูเครน นั่นเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้การพัฒนาเป็นไปได้ช้า เนื่องจากนักลงทุนก็ชะลอตัวในการลงทุนเช่นกัน
แต่ยังมีเหตุผลอีกหลากหลายปัจจัยที่ทำให้ผู้ใช้หลากหลายกลุ่มรวมถึงครีเอเตอร์ ไม่ต้องการใช้เฟซบุ๊กอีกต่อไป เช่น
อัลกอริทึม (Algoritum) ที่ถูกอัปเดตและเปลี่ยนไป
Facebook ได้ปรับเปลี่ยนอัลกอริทึมหรือระบบต่างๆมากมายเกี่ยวกับเนื้อหาบนเฟซบุ๊ก ไม่ว่าจะเป็นการเลียนแบบ TikTok ที่นำเนื้อหาแปลกๆ , คอนเทนท์ของคนที่เราไม่มีเพื่อนหรือไม่รู้จัก มาอยู่บนหน้าฟีด ซึ่งมีผู้ใช้หลายรายไม่ชื่นชอบระบบเช่นนี้ หรือเรียกได้ว่าสูญเสียตัวตนความเป็นเฟซบุ๊กไปเรียบร้อยแล้ว
ค่าโฆษณาและค่าใช้จ่ายที่เปลี่ยนแปลงไป
ช่วงแรกของการเริ่มต้นเฟซบุ๊ก สามารถทำให้ผู้ใช้สามารถใช้งานได้ฟรี และมีคนมองเห็นเนื้อหาได้ง่ายกว่าในปัจจุบัน ซึ่งเฟซบุ๊กเวอร์ชั่นล่าสุด หากธุรกิจต้องการให้ผู้ใช้เห็นเนื้อหา มีความจำเป็นหรือเรียกได้ว่าบังคับว่าต้องจ่ายเงินค่าโฆษณา เพื่อบูสโพสต์หรือเรียกยอดผู้เข้าชมมาเห็นเนื้อหานั้นๆ
ด้วยราคาโฆษณาที่สูง แต่ผลตอบแทนไม่ได้อย่างที่คิด ซึ่งเป็นกระทบอันเนื่องจากฝั่งของ Apple ก็รักษาเรื่องความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว ทำให้เฟซบุ๊กไม่สามารถติดตามพฤติกรรมผู้ใช้ได้แล้ว ทำให้ประสิทธิภาพของโฆษณาบนเฟซบุ๊กลดลงอย่างรวดเร็ว และนั่นเป็นเหตุผลที่บริษัททำการตลาดต่างๆ หรือธุรกิจ หันไปใช้แพลตฟอร์มอื่นๆ ที่ดีและถูกกว่า
มุ่งหน้าพัฒนา Metaverse เป็นหลัก
ด้วยความสนใจของมาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก มุ่งหน้าไปที่โลกเสมือนจริงหรือเมตาเวิร์ส การลงทุนจำนวนมากยังส่งผลให้มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ตกจากอันดับท็อป 10 ของเศรษฐีอเมริกา และแน่นอนว่าปัจจุบันเทคโนโลยีเมตาเวิร์สยังไม่สามารถแสวงหาผลกำไรได้ เนื่องจากยังเป็นเทคโนโลยีแห่งอนาคต
มีแอปใหม่อื่นๆ เข้ามาทดแทน
TikTok ถือว่าเป็นผู้เล่นรายใหญ่ที่สุดในปัจจุบัน และมีสไตล์การทำคอนเทนท์ที่โดดเด่น คือเป็นได้ทั้งคลิปสั้น คลิปสั้น หรือไลฟ์สด ทาง Facebook ยังได้หยิบอัลกอริทึมนี้มาใช้ แต่ก็ไม่ได้ผลเช่น TikTok และยังมี BeReal ซึ่งเป็นแอปพลิเคชั่นที่ออกมาใหม่ แต่ยอดผู้ใช้เพิ่มขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว คู่แข่งเหล่านี้ทำให้เฟซบุ๊กถูกดึงผู้ใช้ไปเป็นจำนวนมาก
ทางผู้เขียนได้วิเคราะห์เกี่ยวกับโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์ม และมีความคิดเห็นว่า อีกไม่นานคนยุคใหม่จะเลิกใช้โซเชียลมีเดียรูปแบบเดิมๆ และหันไปใช้แอปพลิเคชั่นรูปแบบอื่นๆเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี AR , VR ที่เฟซบุ๊กก็กำลังพัฒนาอย่างเต็มที่แต่นั่นคือเทคโนโลยีของอนาคต ที่จะการพูดคุยสนทนา การโพสต์รูปภาพต่างๆ และทำได้อิสระมากยิ่งขึ้น
และสิ่งที่น่าสนใจก็คือการพัฒนาของโซเชียลมีเดียในช่วงเปลี่ยนผ่านนี้ หากเราสังเกตโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มที่ฮิตทั่วโลกอย่าง TikTok ก็มีความคล้ายคลึงกับ Facebook ในยุคแรกๆที่ไม่เคยมีมาก่อน เช่น การโพสต์สเตตัส , การ Live ผ่านเฟซบุ๊ก หรือการแชทผ่าน Messenger ที่สามารถทำได้ในแพลตฟอร์มเดียว ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ในยุคก่อน แต่ไม่ใช่ในปัจจุบันและดูเหมือนว่าเฟซบุ๊กจะเก่าไปแล้วสำหรับผู้ใช้ในยุคนี้
ขณะนี้ TikTok สามารถทำแพลตฟอร์มที่ใหม่และครอบคลุมกว่าได้เช่นกัน เช่น TikTok Shopping , TikTok Live ซึ่งจุดแข็งของ TikTok คือฟิลเตอร์และเทรนด์ต่างๆสามารถทำได้อิสระและสนุกมากกว่าแอปฯอื่นๆ มีการทำ Challenge , คลิปวีดีโอสั้นหลากหลายรูปแบบ ซึ่งควบรวมความสามารถของแอปฯทั้ง Facebook , YouTube ไว้ในรูปแบบที่เหมาะกับการเล่นโซเชียลมีเดียในยุคปัจจุบัน
ในอนาคตสามารถคาดการณ์ได้เลยว่า จะมีแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียรูปแบบใหม่ๆเข้ามาให้เราได้ใช้กันมากขึ้น ทำให้สังคมโซเชียลมีเดียก็จะมีรูปแบบการนำเสนอเนื้อหาคอนเทนท์แตกต่างกันออกไป คล้ายกับการทำ TikTok ในยุคปัจจุบัน
การถ่ายวีดีโอ TikTok จะมีคาแรคเตอร์และเอกลักษณ์ของตัวเอง แม้เป็นการถ่ายวีดีโอสั้นเหมือนกันก็จริง แต่หากถ่ายผ่าน TikTok ก็จะต้องมีความเข้าใจในการถ่ายวีดีโอแตกต่างออกไปและไม่เหมือนกับการถ่าย YouTube หรือแอปฯอื่นๆเลย ซึ่งทำให้คนสามารถรู้ได้ว่านี่คือ “สไตล์การถ่ายแบบ TikTok” หรือเป็นเนื้อหาจากบน TikTok นั่นเอง
สำหรับผู้ใช้เองในอนาคตเราอาจได้มีโอกาสใช้โซเชียลมีเดียรูปแบบใหม่ๆกับเพิ่มขึ้น แต่ในปัจจุบันก็คงต้องยอมรับว่า TikTok ได้ขึ้นแท่นเป็นแพลตฟอร์มยอดฮิตของโลกไปเรียบร้อยแล้ว และเราคงต้องรอติดตามกันต่อไปว่าทาง Meta หรือ Facebook จะเข้ามาตอบโต้และแก้ไขปัญหานี้อย่างไรบ้างในอัปเดตรอบหน้า