รถ EV เดิมทีรู้จักกันในรถพลังงานทางเลือกใหม่ที่จะมาช่วยลดมลภาวะที่เกิดจากเครื่องยนต์สันดาป แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นเช่นนั้น แบรนด์ทั่วโลกกำลังแข่งขันกันพัฒนาเทคโนโลยีจนแทบไม่พูดถึงเรื่องมลภาวะเลยก็ว่าได้
รถ EV หรือ Electric Vehicle เป็นเรื่องที่ไม่ใหม่และไม่เก่าในโลกยุคปัจจุบัน ซึ่งจากปีก่อนๆ เห็นได้ชัดถึงการเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาต่างๆในแง่มุมที่เปลี่ยนไป แบรนด์และค่ายรถยนต์ได้เร่งพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆบนรถ ไม่ว่าจะเป็นระบบช่วยเหลือการขับขี่, เทคโนโลยีต่างๆที่ชูความล้ำสมัยบนรถเพื่อตอบโจทย์กับผู้ใช้งานมากที่สุด
รถยนต์ไฟฟ้ากลายเป็นหนึ่งในแกดเจ็ตของคนในยุคดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นระบบอินโฟเทนเมนต์บนรถ การฟังเพลง, เล่นเกม หรือความสะดวกสบายต่างๆที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนในยุคปัจจุบันมากกว่ารถสันดาปที่เคยมีมา ทำให้คนเริ่มหันมามองรถยนต์ไฟฟ้าในมุมที่เปลี่ยนไป
ปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นแบรนด์รถค่ายไหนๆจะเล็กหรือใหญ่ที่เข้ามาวงการรถ EV กลับกลายเป็นถูกบีบให้มีการพัฒนาเทคโนโลยีแข่งกัน และไม่ได้พูดถึงเรื่องมลภาวะหรือการปล่อยมลพิษ CO2 อีกต่อไป
ซึ่งปัจจุบันในประเทศไทยมีบางกลุ่มที่สนใจเรื่องสิ่งแวดล้อมไม่มาก แต่ส่วนใหญ่ที่เลือกใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพราะ "ความประหยัด" และอีกกลุ่มสนใจในเรื่องความสะดวกสบาย และยังมีอีกกลุ่มที่ชื่นชอบความเร็วของรถยนต์ไฟฟ้าด้วย
เพราะถึงแม้อย่างไรก็ตาม กระบวนการผลิตรถ EV ในปัจจุบันยังไม่ได้รักษ์โลกเสมอไป ด้วยปัจจัยต่างๆดังนี้
ถึงแม้ปัจจัยในการซื้อรถ EV ของแต่ละคนจะแตกต่างกัน บางคนซื้อรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อประหยัดค่าน้ำมัน เปลี่ยนไปใช้การชาร์จไฟฟ้าแทน หลายคนซื้อเพื่อภาพลักษณ์ของบริษัทที่ต้องเข้าในมาตรการลดมลพิษของทั่วโลก แต่หากมองในยุคปัจจุบันในความเป็นจริง คนทั่วโลกเลือกซื้อรถ EV กันที่ "เทคโนโลยี" แต่อาจลืมมองเรื่องการปล่อยมลพิษของรถแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อไปเลยก็ว่าได้
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมรถ EV คือศึกสงครามของเทคโนโลยี หลากหลายบริษัทเทคโนโลยีหันมาพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าเป็นจำนวนมาก เช่น Apple Car ที่สุดท้ายแล้วก็ต้องปิดโปรเจกต์ลงไป, Huawei ที่เข้ามาพัฒนาร่วมกับหลากหลายแบรนด์
สังเกตได้ว่ามีการจับมือของบริษัทเทคโนโลยีต่างๆเข้ารวมกับแบรนด์รถยนต์ ชี้ให้เห็นว่านี่คือสงครามแห่งเทคโนโลยีบนรถ EV ที่เราต้องจับตามองว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป จะมีแบรนด์ไหนออกมาพูดเรื่องมลพิษและมลภาวะเหมือน Polestar ที่เคยทำมาก่อนหน้านี้หรือไม่