คาดการณ์ 5 ปีข้างหน้า คนไทยอาจจะได้ซื้อ "รถ EV" ในราคาที่ถูกลง
ถือเป็นข่าวดีของวงการรถยนต์ไฟฟ้า เนื่องจาก SCGC ได้เผยถึงการลงทุนที่ได้ร่วมกับ Denka ประเทศญี่ปุ่นเพื่อจัดตั้งบริษัทสำหรับการผลิตและจำหน่ายแบตเตอรี่ประเภทอะเซทิลีนแบล็ก ที่จังหวัดระยอง
สัญญาต่างๆในการลงทุนในโครงการของ SCGC และ Denka จะเสร็จสิ้นภายในปี 2566 และหากตามแผนโครงการนี้จะเริ่มขึ้นและผลิตได้ภายในต้นปี 2568 ซึ่งจะมีกำลังการผลิตประมาณ 11,000 ตัน ซึ่งถือว่าเป็นกำลังการผลิตที่สูงมาก
Denka ซึ่งเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีการผลิตอะเซทิลีนแบล็ค ซึ่งเป็นส่วนประกอบหนึ่งของแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนสำหรับรถยนต์ EV รวมถึงนำไปใช้กับการผลิต สายส่งไฟฟ้าแรงสูง โดยใช้วัตถุดิบต่างๆของ SCGC และจัดทำในโรงงาน Olefins ของ SCGC ซึ่งแบตเตอรี่ที่จะถูกผลิตขึ้นมาจะมีความบริสุทธิ์สูงและนำไฟฟ้าได้ดีเยี่ยม
ก่อนหน้านี้ทาง WHA Group ก็ได้ร่วมงานกับทาง BYD เพื่อจัดตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนต่างๆ ในประเทศไทยที่นิคมอุตสาหกรรมระยอง ซึ่งแน่นอนว่าการตั้งฐานผลิตในไทยจะส่งผลทำให้ค่าใช้จ่ายและต้นทุนการผลิตนั้นถูกลง
และเนื่องจากจีนมีเทคโนโลยีต่างๆที่พร้อมผลิตรถยนต์ไฟฟ้ามากมาย และมีท่าทีว่าจะมุ่งเป้ามาในประเทศไทย เพื่อทำการตลาดและจำหน่าย จึงเป็นสัญญานทีบริษัทยานยนต์ไฟฟ้าของจีนจะเข้ามายึดตลาดยานยนต์ไฟฟ้าในไทย เนื่องจากมีการลดภาษีนำเข้าของรัฐบาลและนโยบายอื่นๆที่หนุนให้จีนเข้ามาทำการตลาดได้ง่ายกว่าประเทศอื่นๆ
หลากหลายบริษัทยักษ์ใหญ่ฝั่งยุโรปและอเมริก่า ไม่ว่าจะเป็น Mercedes Benz , Ford หรือ BMW ก็ได้เริ่มทยอยเข้ามาลงทุนในธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทย เนื่องจากมีแรงสนับสนุนต่างๆจากรัฐบาลที่ทำให้ประเทศไทยน่าสนใจในการเข้ามาลงทุน
อนาคตธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วใน 5 ปีข้างหน้า เนื่องจากเริ่มมีการผลิตซัพพลายเชนหรือชิ้นส่วนต่างๆได้เอง ซึ่งจะลดค่าขนส่งนำเข้าชิ้นส่วนอะไหล่จากต่างประเทศ ดังนั้นจะส่งผลให้ราคาของรถยนต์ไฟฟ้าในไทยอาจปรับตัวลงได้มากกว่าในปัจจุบัน
สำหรับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าขณะนี้ถือว่าได้เปรียบเรื่องค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน แต่หากในอนาคตเมื่อเทคโนโลยีถูกพัฒนาขึ้นบวกกับมีการเข้ามาลงทุนในประเทศไทยจำนวนมาก นั่นจะทำให้ฝั่งผู้บริโภคในประเทศไทยมีข้อได้เปรียบ สามารถเลือกรถยนต์ได้หลากหลายตามความต้องการและยังมีราคาที่ย่อมเยาเหมาะสมกับสเปกอีกด้วย
