Tesla เป็นอีกหนึ่งรถยนต์ไฟฟ้าที่มีคนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก จนกระทั่งมีผู้ใช้ TikTok คนหนึ่งได้ออกมาโวยถึงรถ Tesla ที่เสีย เปิดเข้าประตูรถไม่ได้ เมื่อโทรถามศูนย์บริการได้รับแจ้งว่าให้เปลี่ยนแบตเตอรี่ในราคาเกือบ 1 ล้านบาท
ผู้ใช้ Tesla ดังกล่าวมีชื่อว่า Mario Zelaya (TikTok @supermariozelaya) ได้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model S ซึ่งซื้อมาเมื่อปี 2013 รวมอายุก็ราวๆ 10 ปี
ซึ่งในคลิปวีดีโอได้ระบุว่า รถของเขาเสียไม่สามารถเปิดประตูรถได้ เมื่อโทรแจ้งกับศูนย์บริการ และอ้างว่าทางเทสลาต้องให้เปลี่ยนแบตเตอรี่ในราคา 142,000 CAD (ดอลลาร์แคนาดา) ซึ่งตีเป็นเงินไทยอยู่ที่ราวๆ 720,000 บาท ซึ่งเทียบเท่ากับรถอีโคคาร์คันใหม่หนึ่งคันเลยทีเดียว
แบตเตอรี่เสียเพราะอะไร?
แบตเตอรี่ดังกล่าวที่เสียคือ HV (High Voltage) หรือเป็นแบตก้อนใหญ่ที่อยู่ใต้ท้องรถ
ซึ่ง Tesla Model S ที่ผลิตในปี 2012 ทางผู้ใช้ได้กล่าวว่า เป็นการผลิตที่ผิดพลาดมาจากโรงงาน ปัญหาคือ “น้ำจากท่อแอร์ไหลมาที่แบตเตอรี่” พอท่วมขังไปเรื่อยๆ ทำให้เกิดสนิมที่รังแบตเตอรี่ จนผุและมีน้ำไหลไปจนเกิดการลัดวงจรได้
ซึ่งได้มีหลายคนวิเคราะห์ไว้ว่าสาเหตุนี้เกิดจากการจอดรถไว้เป็นเวลานาน เนื่องจากหากใช้รถเป็นประจำ น้ำดังกล่าวจะไหลลงจากการขับรถไปมาได้เอง
Tesla มีการบริการพิเศษของลูกค้าส่วนใหญ่หากมีการนำรถไปซ่อมที่ศูนย์บริการ (Tesla Service Center) จะมีรถให้สำรองใช้ หรือหากมีรถไม่เพียงพอจะมี Uber Gift Voucher ให้สามารถนั่ง Uber ระหว่างซ่อมได้ฟรี และเนื่องจาก Tesla Model S ในปี 2014 ได้แก้ปัญหาจุดนี้ไปเรียบร้อยแล้วทางเทสลาจึงไม่ออกมาโต้กลับอะไร
ทางผู้ใช้ Mario Zelaya ได้แสดงความคิดเห็นว่า บริษัทเทสลาควรมีการเรียกกลับรถรุ่นนี้ไปซ่อมปัญหาเกี่ยวกับแบต ซึ่ง Tesla Model S ในโมเดล 2012-2014 ก่อนที่จะมีปัญหาอาจต้องได้รับการแก้ไข
ข่าวสารนี้ทำให้เราเห็นได้ถึงปัญหาบางจุดของรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่ง เป็นเจ้าแรกๆที่ผลิตรถออกมาใช้งาน ซึ่งปัญหาเหล่านี้ได้ถูกแก้แล้วตั้งแต่ปี 2014 เราได้เห็นการพัฒนาในด้านความปลอดภัย ความคงทนของแบตเตอรี่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งก่อนจะตัดสินใจซื้อรถ ควรเช็กปัญหาของแต่ละรุ่นให้ดีก่อนการซื้อ หากใครต้องการจะซื้อ Tesla Model S สักคัน ก็คงต้องเช็กโมเดลนี้ให้ดีว่ามีปัญหาเหล่านี้หรือไม่
ที่มา : autoevolution