Google, Temasek และ Bain&Company เผยแพร่รายงานเศรษฐกิจดิจิทัลในอาเซียน ซึ่งระบุว่า เศรษฐกิจดิจิทัลไทยจะมีมูลค่ารวมสูงถึง 3.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2566 และใหญ่เป็นอันดับ 2 ในอาเซียน และคาดว่าจะแตะ 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2568
Google เปิดเผยถึงภาพรวมเศรษฐกิจดิจิทัลในไทย ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าจะมีมูลค่า 1-1.65 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2573 โดยตลาดอีคอมเมิร์ชยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งและเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญของเศรษฐกิจดิจิทัลไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งข้อมูลได้อ้างอิงจาก e-Conomy SEA 2023 Report
การเติบโตของ Digital Economy ในไทย เติบโตสูงถึง 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2023 เติบโตเร็วกว่า GMV (Gross Merchandise Value) สูงถึง 1.7 เท่า ซึ่งประกอบกับการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตทั้งในและนอกเมืองมากขึ้นในประเทศไทย ซึ่งสัดส่วนผู้ซื้อ (Demand) และผู้ขาย (Supply) ในธุรกิจอีคอมเมิร์ชในไทย ยังคงมีสัดส่วนเท่าๆกันและยังไม่มีช่องว่างมากนัก และดีกว่าหลายๆประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
จากการสำรวจตั้งแต่ปี 2015 จนถึงปัจจุบัน เศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) เริ่มจากผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเพียง 50% ซึ่งในแต่ละปีได้มีการเติบโตและมีการส่วนร่วมในการใช้จ่ายมากขึ้นที่เรียกว่า Internet Consumer เพิ่มมากขึ้น
ภูมิภาคอาเซียนถือว่าเติบโตสูง ซึ่งใน 70% มาจาก Core Digital economy sectors ซึ่งประกอบด้วย 5 Sectors หลัก ได้แก่ E-Commerce , Transport & Food delivery , Online Travel, Online Media, Financial services
ซึ่งอีก 30% มาจาก บริการการเงินดิจิทัล (Digital financial services) เติบโตสูงขึ้น 2 เท่าจากปีที่ผ่านมาและยังสามารถเติบโตได้อีกและธุรกิจเหล่านี้จะสามารถฟื้นตัวกลับมาในปี 2025-2030 นี้ โดยภาพรวมของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คาดว่ามูลค่าสินค้ารวมของเศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาคฯ จะสูงถึง 2.18 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
Google ยังได้เผยข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับเศรษฐกิจดิจิทัลไทย (Digtial Economy) ที่น่าสนใจดังนี้
ยังมีอีกแง่มุมน่าสนใจเกี่ยวกับการเงินดิจิทัล ซึ่ง Digital payment ในไทยเติบโตมากกว่าประเทศอื่นๆในอาเซียน เนื่องจากรัฐบาลมีการสนับสนุนตรงนี้ แต่ที่น่าสนใจคือ Digital lending มาจากธนาคารในประเทศไทยเอง ยังไม่มี Fintech เข้ามาทำการตลาดในประเทศไทยมากนัก
โดยคนไทยยังมีพฤติกรรมการใช้ Mobile banking เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ซึ่ง Google ยังได้เผยถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ใช้จ่ายสูงบนโลกออนไลน์ คือ 30% ของ High-value users ซึ่งเป็น 3 ใน 4 ของการใช้จ่ายในเศรษฐกิจดิจิทัล แต่ที่น่าสนใจจากวิจัยได้เผยว่า ไม่ใช่เพียงคนที่มีรายได้สูงหรืออยู่ในเมือง แต่ยังคงมีผู้บริโภคทั่วไปที่ไม่มีรายได้สูงและไม่ได้อยู่ที่หัวเมืองก็สามารถใช้จ่ายสูงในออนไลน์ได้
ซึ่งย้อนกลับมาที่ในประเทศไทยมี Non-value users ได้เติบโตถึง 7 เท่าในปีนี้และสูงกว่า High-value users ถึง 1.9 เท่า ซึ่งชี้ให้เห็นที่ธุรกิจยังสามารถสร้างรายได้จากคนทั่วไปได้ เพียงแต่ต้องสร้างความเชื่อใจและสินค้าที่คนทั่วไปเข้าถึงได้
แจ็คกี้ หวาง Country Director, Google ประเทศไทย กล่าวว่า "เศรษฐกิจดิจิทัลของไทยยังคงแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการฟื้นตัวอย่างน่าทึ่ง และคาดว่ามูลค่าสินค้ารวมจะก้าวสู่ระดับ 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2568 แม้จะต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนด้านเศรษฐกิจมหภาคก็ตาม
การให้ความสำคัญกับการลดช่องว่างด้านการมีส่วนร่วมทางดิจิทัลโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มที่อยู่นอกเขตกรุงเทพฯ และการขจัดอุปสรรคต่างๆ อย่างจริงจังเพื่อให้ผู้คนสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการดิจิทัลได้มากยิ่งขึ้นจะช่วยให้ประเทศไทยสามารถปลดล็อกศักยภาพเพื่อการเติบโตต่อไปในทศวรรษแห่งดิจิทัล
ทั้งนี้ Google จะยังคงเดินหน้าให้การสนับสนุนในด้านต่างๆ และสานต่อความมุ่งมั่นของเราในการส่งเสริมการเติบโตในระยะยาวของเศรษฐกิจดิจิทัลไทยผ่านโครงการต่างๆ เช่น "Samart Skills" ซึ่งเป็นโครงการที่อยู่ภายใต้ Grow with Google ที่ริเริ่มขึ้นสำหรับประเทศไทยโดยเฉพาะ" ซึ่งทาง Google ยังได้เปิดเผยตัวเลขคร่าวๆที่มีการจบหลักสูตรการเรียนรู้ไปกว่า 20,000 ราย
Willy Chang, Associate Partner, Bain & Company กล่าวว่า "การเติบโตอย่างแข็งแกร่งในระดับเลขสองหลักของ มูลค่าสินค้ารวมและรายได้ของเศรษฐกิจดิจิทัลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ทะลุถึง 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2566 นับเป็นสิ่งที่น่าทึ่ง และแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจดิจิทัลในภูมิภาคนี้ ผู้นำในภาคธุรกิจต่างๆ ก็มีความก้าวหน้าในการพัฒนาหน่วยเศรษฐกิจและโมเดลธุรกิจที่มันคงและมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น
การมีส่วนร่วมทางดิจิทัลในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เกิดการระบาดใหญ่ นอกจากนี้ การผลักดันกฎระเบียบการออกใบอนุญาตธนาคารดิจิทัลจะช่วยสร้างโอกาสใหม่ๆ ในการเติบโตของบริการด้านการเงินดิจิทัล ขณะเดียวกันก็ช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงบริการทางการเงินให้กับคนไทยมากขึ้นอีกด้วย"
ซึ่ง Google ยังได้เผยว่า แม้จะมีอุปสรรคในระดับมหภาค แต่เศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทยยังคงเติบโตแข็งแกร่งในปีนี้ เติบโตที่ 16 % สู่ระดับ 36 พันล้านดอลลาร์ และยังคงใหญ่เป็นอันดับสองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
การท่องเที่ยวออนไลน์ หรือ Online Travel เติบโตเร็วเป็นอันดับสองในภูมิภาคโดยเติบโต 85% เมื่อเทียบกับปีก่อน และเป็นปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตหลักสำหรับเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศในปี 2566
อีคอมเมิร์ซ (E-commerce) ยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนพลังสู่เศรษฐกิจดิจิทัลที่มีมูลค่าถึง 5 หมื่นล้านดอลลาร์ใน ปี 2568 และเงินสดไม่ใช่ราชาอีกต่อไป บริการทางการเงินดิจิทัลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีจุดเปลี่ยนถึง 50% ให้กับ GTV ในปี 2566
บริการทางการเงินดิจิทัล มีแรงผลักดันที่แข็งแกร่ง โดยประเทศไทยมีสินเชื่อดิจิทัลที่เติบโตเร็วที่สุดใน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปี 2566 การจัดลำดับความสำคัญของผู้ใช้ที่มีมูลค่าสูงเป็นกุญแจสำคัญในการเติบโตในระยะสั้น แต่การก้าวไปไกลกว่านั้น ถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับความสำเร็จในระยะยาว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :