แม่ ดร.เป็ด ยอมรับอึดอัดที่ "แพรวา" ไม่ติดต่อเยียวยาตามคำสั่งศาล วอนคู่กรณีเคลียร์ให้ชัด ชี้ไม่เคยเรียกร้องอะไรยันร้อยพวงมาลัยขายจนกว่าจะไม่ไหว
จากกรณีที่นางสาวแพรวา เทพหัสดิน ณ อยุธยา ได้ขับรถยนต์เก๋งไปเฉี่ยวชนกับรถตู้โดยสาร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต–อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 9 ศพ บนทางยกระดับโทลล์เวย์ขาเข้า ช่วงด้านหน้าสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ เมื่อคืนวันที่ 27 ธ.ค. 2553 ที่ผ่านมา จนถึงวันนี้เวลาผ่านมา 8 ปีแล้ว ล่าสุดศาลแพ่งนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ในคดีอุบัติเหตุจราจร โดยในส่วนของคดีอาญานั้นคดีถึงที่สุดแล้ว ศาลสั่งลงโทษจำคุกจำเลย แต่ก็ยังให้รอการลงโทษไว้ 4 ปี และให้ทำงานบริการสังคมระยะหนึ่งซึ่งก็น่าจะพ้นกำหนดเวลารอการลงโทษ และได้ทำงานบริการตามข้อกำหนดครบแล้ว แต่ในเรื่องของการเยียวผู้เสียหายนั้นทางญาติๆของผู้เสียชีวิตก็บอกว่ายังไม่ได้รับติดต่อใดๆทั้งสิ้นจากนางสาวแพรวา
ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบกับนางถวิล เช้าเที่ยง หรือแม่หนิง อายุ 71 ปี อยู่บ้านเลขที่ 187/21 ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ราชบุรี แม่ของ ดร.ศาสตรา เช้าเที่ยง หรือ ดร.เป็ด นักวิทยาศาสตร์ประจำ สวทช. เพิ่งจบการศึกษาปริญญาเอก จากประเทศอังกฤษ ที่เป็นหนึ่งในผู้เสียชีวิต 9 ศพ บอกว่าตั้งแต่เกิดเหตุคู่กรณีแค่มาร่วมงานศพเพียงวันเดียว หลังจากนั้นก็ไม่ได้มีการติดต่ออะไรอีกเลย แม้ว่าศาลจะตัดสินแล้วแต่ก็ยังไม่มีการติดต่อมา
แม่หนิง บอกอีกว่า ตอนนี้รู้สึกอึดอัดมากเพราะอายุก็มากแล้ว ทางคู่กรณีจะเอายังไงขอให้มาพูดคุยกัน และก็ไม่เคยไปเรียกร้องอะไรเขามากมาย ซึ่่งตั้งแต่เกิดเรื่องทางญาติๆของคนตายทั้งหมดก็รวมกลุ่มกัน และตอนนี้ก็รอให้ทางคู่กรณีติดต่อมา และรอทางทนายด้วย ซึ่งก็ได้มีการพูดคุยกับทางทนายแล้วว่า ถ้าไม่มีการมาเยียวยาก็จะต้องให้มีการบังคับคดี เพื่อดูว่าเขามีทรัพย์สินอะไรบ้าง โดยทำตามขั้นตอนของศาลซึ่งก็ยังไม่รู้ว่านานแค่ไหน และไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ถึงตอนนั้นหรือไม่
“ถ้าลูกชายยังอยู่ก็คงจะสบายกว่านี้ เพราะในช่วงที่ลูกเรียนจบมาก็อยากให้แม่เลิกร้อยพวงมาลัยขายในตลาดทรัพย์สิน เขตเทศบาลเมืองราชบุรี แต่แม่ยังทำไหวก็ขอทำไปก่อน ถ้าเลิกร้อยพวงมาลัยในวันที่ลูกขอให้เลิก วันนี้คงลำบากกว่านี้เพราะวันนี้ไม่มีลูกมาคอยเลี้ยงดูแล้ว และพี่น้องก็ตายหมดแล้ว เหลือเพียงแค่หลานสาวคนเดียวที่มาช่วยกันร้อยพวงมาลัยขายแบ่งข้าวกินกันไป ก็อยากให้แพรวาได้เห็นใจบ้างเพราะเวลาก็เนิ่นนานมาแล้ว”นางถวิล กล่าว
สำหรับ ดร.เป็ด เป็นลูกของพี่ชายของนางถวิล แต่ด้วยความจำเป็นบางอย่างทางครอบครัว จึงได้ยก ดร.เป็ด มาให้เป็นลูกอุปถัมภ์ของนางถวิล ตั้งแต่มีอายุได้เพียง 8 วัน ซึ่งได้มีการเซ็นยินยอมโอนเป็นลูกบุญธรรมตามกฎหมายแล้ว ซึ่งนางถวิลไม่ได้แต่งงานจึงไม่มีลูก มีอาชีพนั่งร้อยมาลัยที่ตลาดทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เขตเทศบาลเมืองราชบุรี และเลี้ยงดู ดร.เป็ด เหมือนลูกชายแท้ๆ และนั่งร้อยมาลัยส่งเสียกระทั่งลูกเรียนจบปริญญาเอก อีกทั้งได้เป็นนักวิจัยไบโอเทค แห่ง สวทช. กระทั่งมาจบชีวิตในอุบัติเหตุดังกล่าว