สำนักข่าวยูเอส นิวส์ แอนด์ เวิลด์ รีพอร์ต รายงานว่าศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ (CDC) แนะนำให้ประชากรในประเทศเกือบร้อยละ 70 ควรสวมหรือพิจารณาสวมหน้ากากอนามัยภายในพื้นที่สาธารณะในร่ม
ข้อมูลจากยูเอส นิวส์ แอนด์ เวิลด์ รีพอร์ต ระบุว่าชาวอเมริกันร้อยละ 33 ควรสวมหน้ากากอนามัยขณะอยู่ในร่ม และอีกร้อยละ 36 ควรพิจารณาสวมหน้ากากอนามัยขณะอยู่ในร่ม หากอิงจากความเสี่ยงเผชิญอาการรุนแรงของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เมื่อนับถึงวันพฤหัสบดี 30 มิ.ย. ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี สำนักข่าวฯ รายงานถึงสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นของชาวอเมริกันที่ควรสวมหรือพิจารณาสวมหน้ากากอนามัยในพื้นที่สาธารณะในร่ม เนื่องจากสหรัฐฯ เข้าสู่ช่วงสัปดาห์วันหยุดเทศกาล หรือช่วงวันชาติ
เนื้อหาที่น่าสนใจ :
เตือนภัย คนไม่ชอบดื่มน้ำเปล่า สาวแชร์ประสบการณ์ป่วยอัมพฤกษ์ หามส่งรพ.
ผลการศึกษาเผยว่า การออกกำลังกาย ไม่ช่วยชดเชยการกินอาหารที่แย่
เมือง Nice ของฝรั่งเศสกลับมาบังคับสวมหน้ากากอนามัยบนขนส่งสาธารณะ
รายงานชี้ว่าจำนวนผู้ป่วยโรคโควิด-19 ในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเล็กน้อย เช่นเดียวกับอัตราการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล โดยปัจจุบันสหรัฐฯ พบผู้ป่วยรายใหม่เฉลี่ยเกือบ 110,000 รายต่อวัน ซึ่งมากกว่าค่าเฉลี่ยในสัปดาห์ก่อนประมาณ 10,000 ราย และรัฐส่วนใหญ่มีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ จำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มสูงขึ้นเกิดขึ้นหลังเชื้อไวรัสฯ สายพันธุ์โอไมครอน สายพันธุ์ย่อยบีเอ.4 (BA.4) และบีเอ.5 (BA.5) ขึ้นแท่นเป็นสายพันธุ์หลักในประเทศ โดยบรรดาผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าเชื้อไวรัสฯ 2 สายพันธุ์ดังกล่าว อาจทำให้จำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเล็กน้อย หรืออาจทำให้ระยะโรคทรงตัว (plateau) ของการระบาดระลอกล่าสุด ยืดเยื้อออกไปอีก