สำนักข่าวซินหัวได้รายงานว่า จำนวนผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงในออสเตรเลียกำลังเพิ่มสูงขึ้น ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อชั้นนำของประเทศได้ออกมากระตุ้นเตือนรัฐบาลถึงการจัดลำดับความสำคัญการแจกจ่ายวัคซีนซึ่งกำลังขาดแคลน
จายา ดานทาส ศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยเคอร์ทินและคณบดีนานาชาติประจำคณะวิทยาศาสตร์สุขภาพ เขียนในเดอะ คอนเวอร์เซชัน (The Conversation) เว็บไซต์ข่าวและงานวิจัย ว่าแม้จะไม่มีแนวทางการรักษาเฉพาะสำหรับโรคฝีดาษลิง ออสเตรเลียได้ทำการสำรองวัคซีนโรคฝีดาษหรือไข้ทรพิษ 2 รายการแล้วในปริมาณไม่มากนัก ซึ่งสามารถป้องกันได้ในระดับหนึ่ง
ปัจจุบันออสเตรเลียยืนยันพบผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงอย่างน้อย 45 ราย โดยส่วนมากอยู่ในรัฐนิวเซาธ์เวลส์และวิกตอเรียที่มีประชากรหนาแน่น และส่วนใหญ่เป็นผู้ชายอายุต่ำกว่า 40 ปี ที่มีประวัติเดินทางไปต่างประเทศและมีเพศสัมพันธ์กับชายคนอื่น
เนื้อหาที่น่าสนใจ :
สหรัฐฯ วิเคราะห์ว่า Long COVID เป็น “ภัยพิบัติทางสุขภาพระดับชาติถัดไป”
เผยรายชื่อ 10 อันดับอาชีพเครียดน้อย-มากที่สุด พบมากใน Sandwich Generation
นอกเหนือจากสมาชิกชุมชนเกย์แล้ว ดานทาส กล่าวว่า ออสเตรเลียต้องเตรียมวัคซีนให้พร้อมใช้งานสำหรับกลุ่มเสี่ยงสูง อย่าง ผู้ให้บริการทางเพศและผู้ที่เดินทางเยือนจุดหมายแถบแอฟริกากลางและแอฟริกาตะวันตก ซึ่งมีการตรวจพบโรคฝีดาษลิงบ่อยมากที่สุด ทั้งจำเป็นต้องมีการรณรงค์ด้านสาธารณสุขเกี่ยวกับโรคฝีดาษลิงควบคู่ไปกับการฉีดวัคซีน ขณะการไม่ตีตราผู้ป่วยก็เป็นสิ่งสำคัญมากเช่นเดียวกัน
โรคฝีดาษลิงสามารถพบในกลุ่มคนไม่มีอาการทั่วไป เช่น ไข้ ปวดศีรษะ เหนื่อยล้า เหงื่อออกและหนาวสั่น ไอ และเจ็บคอ และมักทำให้เกิดผื่นสร้างความเจ็บปวดที่มีลักษณะคล้ายตุ่มพองหรือสิว โดยรอยโรคจะเปลี่ยนแปลงหลายระยะก่อนหลุดลอกออก
ผู้ป่วยควรใช้วัสดุปิดแผลแบบบางกับผื่นดังกล่าวที่มักขึ้นตามร่างกายนานราว 2-4 สัปดาห์ และควรกักตัวในระยะเวลาดังกล่าวด้วย โดยแม้การระบาดล่าสุดของโรคฝีดาษลิงจะส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายรายทั่วโลก ทว่าคนส่วนใหญ่ที่มีระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรงจะไม่เผชิญผลกระทบในระยะยาว
ทั้งนี้ ดานทาสกล่าวทิ้งท้ายว่าโรคฝีดาษลิงนั้นไม่ได้แพร่ระบาดง่ายเหมือนเชื้อไวรัสโคโรนา เขาจึงเชื่อว่ามันสามารถควบคุมได้หากมีการระมัดระวัง