มีผลการศึกษาใหม่ที่เผยแพร่ในวารสารเนเจอร์ (Nature) ระบุว่า โควิด-19 สายพันธุ์ ‘BA.5’ มีความต้านทานได้มากกว่าสายพันธุ์ย่อยก่อนหน้าอื่นๆ ถึง 4 เท่า กลุ่มผู้วิจัยเผยว่า ผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนมีโอกาสติดเชื้อได้มากกว่าผู้ที่ได้รับวัคซีนและวัคซีนโดสกระตุ้นราว 5 เท่า
ผลการศึกษาใหม่ที่เผยแพร่ในวารสารเนเจอร์ (Nature) ระบุว่าโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ชนิดกลายพันธุ์ สายพันธุ์โอไมครอน สายพันธุ์ย่อยบีเอ.5 (BA.5) ซึ่งปัจจุบันเป็นสายพันธุ์หลักในสหรัฐฯ สามารถต้านทานวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 มากกว่าสายพันธุ์อื่นๆ ถึง 4 เท่า
ผลการศึกษาพบว่า สายพันธุ์ย่อยบีเอ.5 สามารถต้านทานวัคซีนชนิดเอ็มอาร์เอ็นเอ (mRNA) ได้มากกว่าสายพันธุ์โอไมครอน สายพันธุ์ย่อยก่อนหน้าอื่นๆ ถึง 4 เท่า ซึ่งรวมถึงวัคซีนไฟเซอร์และโมเดอร์นา
คลินิกมาโย (Mayo Clinic) ของสหรัฐฯ ระบุในรายงานว่าสายพันธุ์ย่อยบีเอ.5 “แพร่เชื้อได้สูงมาก” และมีส่วนทำให้จำนวนผู้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลและในแผนกผู้ป่วยหนักเพิ่มขึ้น
เนื้อหาที่น่าสนใจ :
สหรัฐฯ แนะชาวอเมริกันส่วนใหญ่ สวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะในร่ม
อินเดียพบผู้ป่วยโรคฝีดาษลิง รายแรก วอนทุกรัฐเช็กผู้ต้องสงสัยทุกคน
เตือนภัย คนไม่ชอบดื่มน้ำเปล่า สาวแชร์ประสบการณ์ป่วยอัมพฤกษ์ หามส่งรพ.
ข้อมูลล่าสุดจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ ชี้ว่าสายพันธุ์ย่อยบีเอ.5 ครองสัดส่วนร้อยละ 65 ของผู้ป่วยโรคโควิด-19 ในประเทศ เมื่อช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 9 ก.ค.
ด้าน ดร. เกรกอรี โปแลนด์ หัวหน้ากลุ่มวิจัยวัคซีนของคลินิกฯ กล่าวว่าผู้ที่ยังไม่ได้เข้ารับวัคซีนมีโอกาสติดเชื้อไวรัสฯ มากกว่าผู้ที่ได้รับวัคซีนและวัคซีนโดสกระตุ้นราว 5 เท่า ขณะที่โอกาสเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลสูงขึ้น 7.5 เท่า และโอกาสเสียชีวิตสูงขึ้น 14-15 เท่า
Cr. www.xinhuathai.com