คำว่า "Method Acting" ใช้กันมาอย่างยาวนาน เกือบ 100 ปีแล้ว มันคือการที่นักแสดง ทำความเข้าใจ ศึกษาความรู้สึกนึกคิดของตัวละคร อินไปกับเหตุการณ์ นั่นคือการเข้าถึงบทบาท และอีก หนึ่งวิธีการที่จะเข้าถึง ตัวละครใดๆให้ได้นั้น นั่นคือ ต้อง "มีรูปร่าง" แบบตัวละครนั้นๆให้ได้ก่อน
ทำความเข้าใจ Method Acting คืออะไร ?
.
คำว่า "Method Acting" ใช้กันมาอย่างยาวนานในวงการฮอลลิวู้ด เกือบ 100 ปีแล้ว เทคนิควิธีนี้ถูกคิดค้นพัฒนาขึ้นในรัสเซียก่อนโดย คอนสแตนติน สตานิสลาฟสกี้ จากนั้นก็ค่อยๆ ซึมเข้าสู่โรงเรียนการแสดงของอเมริกา โดยเจ้าสำนักที่ทำให้กลวิธีนี้เป็นที่รู้จักคือ ลี สตราสเบิร์ก ในช่วงปี 1931
.
อธิบายแบบรวบรัดที่สุด มันคือการที่นักแสดงทำความเข้าใจ ศึกษาความรู้สึกนึกคิดของตัวละคร อินไปกับเหตุการณ์ นั่นคือการเข้าถึงบทบาท เข้าถึงอากัปกิริยาของตัวละคร แต่กว่านักแสดงคนๆหนึ่ง จะเข้าถึงบทบาท ได้ต้องแลกกับปัจจัยหลายอย่าง อาทิ การเล่นเป็นนักดนตรี ก็ต้องเล่นดนตรีให้เป็นจริงๆ การสวมบท เป็นนักกีฬา นักแสดงก็ต้องเล่นกีฬานั้นเป็นจริงๆ
.
และอีก หนึ่งวิธีการที่จะเข้าถึง ตัวละครใดๆให้ได้นั้น นั่นคือ ต้อง "มีรูปร่าง" แบบตัวละครนั้นๆให้ได้ก่อน ยกตัวอย่างเช่น นักแสดงจะเข้าใจการเป็น "คนอดอยาก" ก็ต้อง ลองลดน้ำหนักให้ถึงจุดหนึ่งที่ผอมโซ...การจะเข้าใจ คนที่มีน้ำหนักเกิน และสวมบทบาทเป็นคนอ้วน นักแสดงก็ต้อง ทานอาหาร หรือเพิ่มน้ำหนัก ให้ overweight กว่ารูปร่างตัวเองในเวลาปกติ นี่คือหนึ่งในวิธีการของการเข้าถึงคำว่า "Method Acting" วิธีการหนึ่ง ในวงการฮอลลิวู้ด และมีนักแสดงจำนวนมากที่ ยอมทำทุกอย่าง ทุ่มเท เสียสละ และแสดงความเป็น "มืออาชีพ" อย่างถึงที่สุด เพื่อให้รูปร่างเป็นไปตามบทตัวละคร
คริสเตียน เบล ในบท ดิ๊ก เชนี่ย์ รองประธานาธิบดีสหรัฐ
คริสเตียน เบล : เจ้าพ่อแห่งการลด-เพิ่มน้ำหนัก
.
คริสเตียน เบล นี่คือ สุดยอดนักแสดง กับพัฒนาการผอมสุด-อ้วนสุดให้สมบทบาทมาตลอด 20 ปี สำหรับ คริสเตียน เบล หนุ่มเข้มจากอังกฤษวัย 47 ปี สูง 183 เซนติเมตร น้ำหนัก 82 กิโลกรัม ซึ่งเป็นสัดส่วนโดยปกติ
.
แต่ดูเหมือนชีวิตช่วง 20 ปีหลัง คริสเตียน เบล แทบไม่ได้ อยู่ในร่างกายที่ปกติเลย นั่นเป็นเพราะเขารับบทบาทที่หลากหลายและเขาเองเป็นพวก "Method Acting" ลดน้ำหนัก-เพิ่มน้ำหนัก ตามบทแสดง
.
เอาง่ายๆ ที่คือความทุ่มเทของคริสเตียน เบล ในการเข้าถึงบทบาท
ปี 2002 ภาพยนตร์ Reign of Fire เขามีน้ำหนัก 83 กก.
ปี 2004 ภาพยนตร์ The Machinist เขาต้องเล่นเป็นคนติดยา นอนไม่หลับ ลดน้ำหนักตัวเอง เหลือ 55 กก. (หายไป 28 กก.)
ปี 2005 ภาพยนต์ Batman Begins ต้องมารับบท เป็นซูเปอร์ฮีโร่ แบทแมน ทำให้เขาต้องฟิตกล้าม สร้างกล้ามเนื้อ แบบบึกบึน ที่ 86 กก. (ขึ้นมา 31 กก.)
ปี 2006 ภาพยนตร์ Rescue Dawn คริสเตียน เบล ต้องลดน้ำหนักเป็นชายผอมแห้งอีกครั้ง จนเหลือ 61 กก. (หายไป 25 กก.)
ปี 2008 ภาพยนตร์ The Dark Knight คริสเตียน เบล กลับมารับบท ซูเปอร์ฮีโร่ แบทแมน อีกครั้ง และทำน้ำหนัก 86 กก. อีกครั้ง (ขึ้นมา 25 กก.)
ปี 2010 ภาพยนตร์ The Fighter คริสเตียน เบล รับบทเป็นคนติดยาเสพติดอีกครั้ง และคราวนี้ ต้องผอมโซ จนน้ำหนักตัวเอง เหลือ 66 กก. และเรื่องนี้เขาได้ออสการ์ไปครองจากบทนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม
ปี 2013 ภาพยนตร์ American Hustle คริสเตียน เบล ก็รับบทเป็นชายอ้วนฉุ ลงพุง นอกจากนี้ ชีวิตของเบล ไม่เคยได้หยุดนิ่งเลย และเขาเคยยอมรับว่า จะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว แต่สุดท้าย ภาพยนตร์เรื่อง Vice ซึ่งคริสเตียน เบล รับ บทเป็น ดิ๊ก เชนี่ย์ รองประธานาธิบดีสหรัฐ และเบลก็ทำน้ำหนักให้สมบทบาท นักการเมืองอ้วนฉุอีกครั้งหนึ่ง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รวบรวมสาวผู้มีรอยยิ้มสุดสวย สมคำร่ำลือ รอยยิ้มเงินล้าน Million Dollar Smile
สุดยอดภาพยนตร์ ตำรวจร้าย Bad cop ลุ้น ระทึก การันตีคุณภาพ ที่ไม่ควรพลาด
แมทธิว แม็คคอนาเฮย์ : เข้าถึงบทบาทคนใกล้ตาย
.
แมทธิว แม็คคอนาเฮย์ เป็นอีกหนึ่ง นักแสดงจากทุ่มเทให้กับการทำงาน จนมีความสำเร็จมาพุ่งชนเข้าสู่มือของเขา...ย้อนกลับไปในปี 2013 แมทธิว แม็คคอนาเฮย์ ต้องรับบทเป็น คนติดโรคเอดส์ ในภาพยนตร์ Dallas Buyers Club และเขาต้องสวมบทบาท คนที่ผอมแห้ง สิ้นหวัง ทานอาหารแทบไม่ได้ และเรื่องนี้ เพื่อให้เขาถึงการแสดง หนุ่มหล่อจากเท็กซัสต้องลดน้ำหนักถึง 47 ปอนด์ (ราวๆ 21 กก.) เพื่อให้เข้าถึงการแสดงการเป็นคนใกล้ตายในวาระสุดท้าย และแน่นอนว่า เขาคว้ารางวัลนักแสดงนำชายในปีนั้นไปครอง
วาคิน ฟีนิกซ์ : ดำดิ่งไปกับโจ๊กเกอร์
.
วาคิน ฟีนิกซ์ นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่ง "ร่างทรง" ในบทโจ๊กเกอร์ได้อย่างยอดเยี่ยม และโลกแห่งความบันเทิงทั้งโลกต้องสดุดีในการเข้าถึงบทบาท ซึ่งตอนนี้เขาเล่นภาพยนตร์ Joker
.
วาคิน ฟีนิกซ์ ณ เวลานั้นอยู่บน วัย 44 ปี ยอมรับว่า เขาต้องลดน้ำหนักลงไปเกือบ 24 กก. เนื่องจากผู้กำกับของภาพยนตร์วายร้ายตัวตลก โจ๊กเกอร์ อย่าง "ทอดด์ ฟิลลิป" คิดว่าตัวละครของเขาต้องมีร่างผอมบาง เป็นคนที่ถูกสังคมรังแก ชีวิตเจอแต่ความอยุติธรรม
.
โดย วาคีน ฟีนิกซ์ ซึ่งเป็นสุดยอดนักแสดงก็เห็นด้วยกับไอเดียนี้ แต่การลดน้ำหนักวาคีน ฟีนิกซ์ ทำด้วยความระมัดระวัง มีแพทย์ดูแลอย่างใกล้ชิด แต่ก็เข้มงวดกับการควบคุมแคลอรี่ ซึ่งส่งผลกับนิสัยการกินหลังจากที่ประสบความสำเร็จในการลดน้ำหนัก จากความพยายามทุ่มเท นั่นทำให้เขาคว้าออสการ์นักแสดงนำชายจากเรื่องนี้
นาตาลี พอร์ทแมน : ซึมลึกถึงด้านมืดนักบัลเล่ต์
.
นาตาลี พอร์ทแมน เจ้าหญิงแห่งวงการฮอลลิวู้ด ยอมทุ่มเท เสียสละร่างกาย ลดน้ำหนัก 20 ปอนด์ หรือราวๆ 9 กิโลกรัมเพื่อรับบทเป็นนักเต้นบัลเล่ต์ในภาพยนตร์ Black Swan ในปี 2011 ซึ่ง ณ เวลานั้นเธออยู่ในช่วงชีวิตที่ดีที่สุด คือ 30 ปี แต่ต้องมาไดเอทอย่างหนัก เพื่อรีดน้ำหนักออก ร่างกายบอบบางเพื่อให้เข้าถึงการเป็นนักเต้นบัลเล่ต์ ที่ลักษณะทางกายภาพจะต้องมีตัวที่เล็ก จึงจะเต้นได้อย่างพริ้วไหว
.
สำหรับตัวเลข 9 กิโลกรัม อาจจะดูไม่เยอะ แต่สำหรับร่างกายของผู้หญิงแล้ว การลดลงแต่ละขีด แต่ละกิโลกรัมเป็นเรื่องที่ยากมาก และแน่นอนว่า นาตาลี พอร์ทแมน คว้าออสการ์จาก Black Swan ในบทบาทนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม!
เรเน่ เซลเวเกอร์ : สาวที่ไม่เคยห่วงสวย
.
เรเน่ เซลเวเกอร์ Renée Zellweger นักแสดงวัย 52 ปี จากเท็กซัส ณ ปัจจุบัน ผู้ซึ่งในอดีต เธอเพิ่มและลดน้ำหนักให้กับภาพยนตร์อย่างต่อเนื่อง นับได้ว่าทุ่มเท และเธอไม่เคยกังวลหรือห่วงสวยใดๆ
.
ย้อนเวลากลับไปในช่วงที่เธอกำลังมาแรง ในช่วงวัย 32 ปี เรเน่ เซลเวเกอร์ (Renée Zellweger) ต้องเพิ่มน้ำหนักตัวประมาณ 12 กิโลกรัมในเรื่อง Bridget Jones’s Diary เพื่อรับบทเป็นสาวโสดอังกฤษ ที่เฉิ่มเชย และบทบาทสาวอวบของเธอ ก็ชนะใจแฟนๆทั่วโลก ใครเห็นเป็นต้องหลงรักเธอ...
.
และภายหลังเพียงแค่ไม่กี่เดือน เรเน่ เซลเวเกอร์ Renée Zellweger ก็ต้องลดน้ำหนักลงไปอีกเท่าตัวกับบทของ Roxie Hart ในเรื่องภาพยนตร์ Chicago เป็นภาพยนตร์เพลง และเธอรับบทเป็นนักเต้นที่หุ่นต้องเป๊ะ ปัง เว่อร์ และ เรเน่ เซลเวเกอร์ Renée Zellweger ก็ได้ชิงออสการ์จากภาพยนตร์ทั้ง 2 เรื่อง ซึ่งถึงแม้เธอจะพลาดรางวัลไปทั้ง 2 ครั้ง แต่ก็ชนะใจคนดูทั่วโลก (อย่างไรก็ตาม เรเน่ คว้าออสการ์ จนได้จากภาพยนต์เรื่อง Judy ในปี 2019)