svasdssvasds

รีวิว Thor Love and Thunder สนุก โบ๊ะ บ๊ะ เร้าอารมณ์ ทรงพลังด้วยฝีมือนักแสดง

รีวิว Thor Love and Thunder สนุก โบ๊ะ บ๊ะ เร้าอารมณ์ ทรงพลังด้วยฝีมือนักแสดง

รีวิว Thor Love and Thunder ธอร์ ด้วยรักและอัสนีแบบไม่สปอยล์ เอาไปเลย 9.8 เต็ม 10 สนุก โบ๊ะบ๊ะให้ขำกรามค้าง และทรงพลังด้วยฝีมือการแสดงของทัพออสก้าร์ เจ๋งแค่ไหน เดี๋ยวโอ๋สรุปให้ฟัง

รีวิว Thor Love and Thunder แบบไม่สปอยล์
เอาไปเลย 9.8 เต็ม 10
โบ๊ะ บ๊ะ ดูสนุก สอดแทรกมุกให้ขำกรามค้าง 
ปะทะฝีมือการแสดงอันทรงพลังของ คริสเตียน เบล
และ นาตาลี พอร์ตแมน  เป็นยังไง เดี๋ยวโอ๋สรุปให้ฟัง

       สิ้นสุดการรอคอยถึง 5 ปีเต็ม กับภาคย่อยภาค 4 ของ ธอร์ เทพเจ้าสายฟ้า ที่งานนี้ยังคงได้ผู้กำกับคนเดิม ไทก้า ไวตีติ มากุมบังเหียนต่อ ทำให้ภาพยนตร์ภาคนี้ยังคงออกมาตามสไตล์ ที่เคยทำไว้ในภาค Thor : Raknarok สนุก ตลก ครั้งนี้ได้นักแสดงฝึมือฉกาจ ระดับออสก้าร์มาปะทะฝีมือกัน อย่าง คริสเตียน เบล (พ่อหนุ่มค้างคาว เวอร์ชั่นก่อน จาก DC ) และ นาตาลี พอร์ตแมน ร่วมด้วย รัสเซลล์ โคลว์ และ แมตต์ เดมอน

เรื่องย่อ Thor Love and Thunder
       เรื่องราวเล่าถึงหลัง Avanger : End Game ธอร์ ผจญภัยในอวกาศร่วมกับ สตาร์ลอร์ด และแก๊งค์
       เปิดเรื่องมาด้วยซีนอารมณ์ ให้เราได้เข้าใจความรู้สึกของ  กอร์ ผู้ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ทวยเทพ(คริสเตียน เบล) ที่ถูกพรากลูกสาวด้วยความ ทุกข์ยาก  และถูกทิ้งอย่างไม่แยแส จากเทพที่เขาศรัทธา
เพราะความบอบช้ำ เจ็บแค้น  เขาจึงถูกดาบ เนโครซอร์ด ครอบงำ
ให้แก้แค้น ฆ่าล้างบางเหล่าทวยเทพ หลังฆ่าเทพองค์แรกสำเร็จ เขาจึงเดินทางไปเรื่อย จนไปถึง นิว แอสการ์ด หมุดหมายสำคัญคือ การไปถึง อีเธอร์นิตี้ สถานที่และสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดของจักรวาล ที่ให้พรตามผู้ที่ขอ และแน่นอนว่าถ้ากอร์ไปถึงได้ เหล่าทวยเทพถึงวันสูญสิ้นแน่!
       ทำให้ ธอร์ วัลคีรี คอร์ก และ เจน ฟรอสเตอร์ ในบทบาทใหม่ ไมตี้ ธอร์(นาตาลี พอร์ตแมน) ต้องร่วมแรงกันเพื่อหยุดยั้ง กอร์ให้ได้
งานนี้ ความสนุก บู๊แอ็คชั่นสไตล์ ธอร์จึงบังเกิด แม้ระหว่างทางจะเต็มไปด้วยอุปสรรคละความรักก็ตาม! ต้องรอติดตามว่า ถ่านไฟเก่า จะลุกโชติช่วง กลับมาติด อีกครั้งหรือเปล่า? 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

รีวิวหน่อยความรู้สึกหลังดูจบให้ 9.8 / 10 คะแนน
-  สนุก ตลก เสพง่าย ขำได้ทั้งเรื่อง
       ส่วนตัว ถ้าถามโอ๋ โอ๋ชอบนะ มันเหมือนกับภาคที่แล้ว ไม่เครียด ตัวหนังเหมือนถูกขับเคลื่อนด้วยความตลก แทรกมุกโบ๊ะ บ๊ะ ตลอดเรื่องจนเมื่อยกราม ตามสไตล์ ไทกา ไวทิทิ ใครชอบภาค Raknarok ชอบภาคนี้แน่ แต่เนื้อหาไม่ซับซ้อน ค่อนข้างเบากว่า ตัวละครตัวอื่นมาก และไม่ค่อยเกี่ยวกับจักรวาล MCU เท่าไหร่ 
(แต่ตอนจบ END credit 2 ตัว เกี่ยวนะ   )

- เรื่องราวทรงพลัง เพราะฝีมือของเหล่านักแสดง
       อย่างที่บอกว่า เนื้อหาในตัวของ ธอร์ เสพง่าย ไม่ซับซ้อน เมื่อเทียบกับ MCU ภาคแยกอื่นๆ แต่ที่ทำให้ภาพยนตร์ดูมีพลัง ไม่กลวง ก็ต้องขอชื่นชมการแสดงของ คริสเตียน เบล สลัดคราบพระเอกไอ่ค้างคาวทิ้งเสียสนิท เล่นแบบไม่ห่วงหล่อ ถ่ายทอดความเจ็บปวด และความคับแค้นใจ ได้ทรงพลังทะลุเมกอัพหนังเหี่ยวย่น ออกมาเลย บวกกับการเล่นซีนอารมณ์ เรื่องราวดราม่าของ นาตาลี พอร์ตแมน ถึงมาไม่มาก แต่มาแต่ละครั้ง ก็ปัง! ทำให้เราเชื่อและอินกับตัวละคร ส่งผลให้ภาพยนตร์ธอร์ภาคนี้ ไม่เบาจนเกินไปนัก
ในวัย 40 ปีกับบท ไมตี้ ธอร์ เท่ สวยบาดใจ ชอบมาก

-  สเปเชียล เอฟเฟกต์ ดี เพลงร็อค เพิ่มความเร้าใจ
เพลงร็อคยุค 80's ในตำนาน อย่างเพลง Sweet child o' mine ของวง Guns N' Roses  ขึ้นมา เส้นเลือดในกายของสาวกเพลงร็อค หรือ เกมดัง Guitar Hero ต้องสั่นแล้ว!

- แฝงแก่นลึก ที่ทำเราน้ำตาไหลได้   เช่นว่า
       ใครๆก็มีพลังซุปเปอร์ฮีโร่ในตัวเองได้ ถ้ากล้ายืนหยัดต่อสู้กับสิ่งที่ถูกต้อง หรือ คนเราเผชิญความทุกข์ยากกันทั้งนั้น แต่จุดวัดกันว่าใครคนดีคือ เมื่อทุกข์ยากแล้วเราเลือกทำสิ่งใด

- ใจกว้าง สอดแทรกตัวละคร  LGBTQ  ไว้ทั้งเรื่อง เป็นอีกเรื่องที่ MCU ทำให้เราเห็นความใจกว้าง ยอมแทรกให้เห็นความหลากหลายทางเพศในปัจจุบัน ที่สำคัญ คุณจะหลงรัก ฝาแฝดแพะยักษ์! แน่นอน

       แต่อย่างที่บอกตลอดว่า หนังจะสนุกหรือไม่สนุก ขึ้นอยู่กับ Taste ของแต่ละคน Thor Love and Thunder เข้าโรงแล้ววันนี้ ที่โรงภาพยนตร์ Major cineplex

related