Apple watch series 7 ที่เตรียมเปิดให้จองพรุ่งนี้เวลา 1 ทุ่ม ต่างจากรุ่น 6 ยังไง? ก่อนเปิดให้จองพรุ่งนี้วันแรก 8 ตุลาคม หลายคนคงลังเลอยู่ว่า มีอะไรใหม่บ้าง? วันนี้จะมาสรุปให้ฟัง
1.จอใหญ่ขึ้น กว่าเดิมถึงเกือบ 20%
เพราะลดขอบให้แคบลง จอภาพขยายออกไปจนสุด
จอแบบ Retina OLED Always on แถมปรับให้สว่างมากขึ้นถึง 70% ในที่ร่ม ทำให้เรามองเห็นหน้าปัด แม้ไม่ต้องยกมอง
มาในขนาดตัวเรือน รุ่น 7 คือ 41 มม. และ 45 มม. ใหญ่กว่ารุ่น 6 ที่ 40 มม. และ 44 มม.
และด้วยหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น ทำให้สามารถเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ๆ
เข้าไปได้ เช่น คีย์บอร์ด QWERTY แค่ปัดก็พิมได้ทันที
2.ชาร์จไวมากขึ้นกว่าเดิม 33%
ใช้งานต่อเนื่อง 18 ชม.เหมือนตัวก่อน แต่จุดต่างคือ ชาร์จไวขึ้น เพราะรองรับการชาร์จด้วยสาย cable type C การันตีว่า เติมแบต 0 - 80% ได้ภายใน 45 นาที เพราะฉะนั้นคนที่เป็นสายออกกำลัง สายวิ่งมาราธอนบ่อย กลัวแบตลดไว ก็ชาร์จต่อได้ไม่ต้องกลัวสะดุด ต่างจาก รุ่น 6 ที่ชาร์จแบบธรรมดา
3.ทนทานที่สุดเท่าที่เคยเป็น Apple watch มา
รุ่น 7 ด้วยจอจากคริสตัล ทนการแตกแตกร้าวได้ดีสุด
พร้อม กันน้ำลึก 50 เมตร และกันฝุ่น IP6X ซึ่งรุ่น 6 กันได้แค่น้ำ
4.มีสีเขียว เอาใจสายรักษ์โลก
สีที่ไม่มีในรุ่น 6 คือ สีเขียว ตัวเรือนอลูมิเนียม ทำให้ดูรักษ์โลกมากขึ้น รวมทั้งสีมิดไนท์ สีสตาร์ไลท์ สีน้ำเงินใหม่ และ RED
ส่วนตัวเรือนสแตนเลสสตีล มาพร้อม สีเงิน สีกราไฟต์ และสีทอง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
ส่วนเรื่องอื่นๆจะคล้ายกันมาก ชิปเอย ฟีเจอร์วัดข้อมูลสุขภาพก็เหมือน รุ่น 6 ทำได้หมดทั้ง วัดออกซิเจนในเลือด, อัตราการเต้นของหัวใจ, การติดตามการนอนหลับ แต่สำคัญคือใช้กับ iPhone 6s ขึ้นไป หรือ iOS 15 ขึ้นไปนะคะ
ราคาเปิดตัวเริ่มต้น พอๆกัน
- 13,400 บาท
- รุ่น Cellular เริ่มต้นที่ 16,900 บาท
สรุปให้
ส่วนตัวโอ๋มองว่า Apple watch series 6 กับ 7
ฟีเจอร์และภายนอกแทบไม่ต่างกันเลย แค่จอใหญ่ขึ้น และ การชาร์จไวขึ้น แนะนำว่าถ้าสำหรับใครที่ยังไม่เคยมี Apple watch เลย รุ่นนี้ สวย ทน ครบ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์จริงๆ แต่ถ้ามี 6 อยู่แล้วและไม่รู้สึกว่า การชาร์จนานๆนั้น เป็นอุปสรรคต่อการออกกำลัง ก็อาจจะยังไม่มีเหตุผลให้ซื้อตัวนี้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็แล้วแต่ความชอบแต่ละคนนะคะ