เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ยืนยันว่า คสช. และรัฐบาลชุดปัจจุบัน ไม่เคยยืมเงินจากกองทุนประกันสังคม เชื่อว่าประเด็นดังกล่าวต้องการดิสเครดิตรัฐบาลชุดปัจจุบัน
เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ยืนยันว่า คสช. และรัฐบาลชุดปัจจุบัน ไม่เคยยืมเงินจากกองทุนประกันสังคม เชื่อว่าประเด็นดังกล่าวต้องการดิสเครดิตรัฐบาลชุดปัจจุบัน
จากกรณีแฟนเพจ “กูต้องได้ 100 ล้านจากทักษิณแน่ๆ” ได้เสนอผลสำรวจความคิดเห็นในประเด็น ‘ปี 2558 คสช. ในฐานะรัฐบาล ได้ยืมเงินกองทุนประกันสังคมจำนวน 200,000 ล้านบาท และยังไม่คืนเงินพร้อมดอกเบี้ยดังกล่าว’ นั้น
ล่าสุดวันนี้( 4 มี.ค.) นายสุรเดช วลีอิทธิกุล เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ยืนยันว่า คสช. และรัฐบาลชุดปัจจุบัน ไม่เคยยืมเงินจากกองทุนประกันสังคมเลย อีกทั้งการลงทุนของสำนักงานประกันสังคมเป็นไปตามระเบียบของคณะกรรมการประกันสังคมและตามที่กระทรวงการคลังกำหนด เชื่อว่าประเด็นดังกล่าวต้องการดิสเครดิตรัฐบาลชุดปัจจุบัน ทั้งนี้สำนักงานประกันสังคมจะได้มอบหมายให้กองกฎหมายพิจารณาข้อกฎหมายเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
นอกจากนี้เลขาธิการฯ ได้ชี้แจงผลการบริหารการลงทุนของกองทุนประกันสังคมในปี 2560 ที่ผ่านมา โดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2560 สำนักงานประกันสังคมมีเงินลงทุนจำนวน 1,762,095 ล้านบาท ประกอบด้วยเงินสมทบที่จัดเก็บจากผู้ประกันตน นายจ้าง และรัฐบาล จำนวน 1.24 ล้านล้านบาท และดอกผลจากการลงทุนสะสม 524,347 ล้านบาท โดยเงินลงทุนสามารถแบ่งเป็นหลักทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูงร้อยละ 78 และหลักทรัพย์เสี่ยงร้อยละ 22 ซึ่งเงินลงทุนดังกล่าวเป็นไปตามระเบียบคณะกรรมการประกันสังคมที่กำหนดกรอบการลงทุนในหลักทรัพย์เสี่ยงไม่เกินร้อยละ 40 และอยู่ภายใต้ค่าความเสี่ยงที่คณะกรรมการกำหนด และ ณ สิ้นปี 2560 สำนักงานประกันสังคมสามารถสร้างผลตอบแทนกองทุนประกันสังคมได้ประมาณ 58,000 ล้านบาท โดยคำนวณผลตอบแทนตามมาตรฐานบัญชีภาครัฐคิดเป็นร้อยละ 5.07 และมีผลตอบแทนตามมูลค่าตลาดเท่ากับร้อยละ 6.01 ซึ่งสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยที่มีอัตราร้อยละ 0.67 และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารที่มีอัตราเฉลี่ยร้อยละ 1.37 สำนักงานประกันสังคมจะได้นำผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุนไปพัฒนาดูแลและคุ้มครองสิทธิประโยชน์ให้กับลูกจ้าง ผู้ประกันตน ให้ได้รับบริการที่ดีและได้รับประโยชน์สูงสุดจากระบบประกันสังคม เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับผู้ใช้แรงงานซึ่งเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ ขณะเดียวกันยังจะนำไปสู่การยกระดับพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนโดยรวมของประเทศ โดยยึดหลักการดำเนินงานที่โปร่งใส และตรวจสอบได้