ติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.springnews.co.th
วันที่ 5ธ.ค.60 จากกรณีเกิดอุบัติเหตุ นายอัครเดช อุดมรัตน์ ขับรถกระบะย้อนศร เฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์ บริเวณสี่แยกไฟแดงพัทยาใต้ จ.ชลบุรี เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 2 คน และบาดเจ็บอีก 15 ราย ซึ่งตำรวจพบข้อมูลว่า นายอัครเดชเป็นโรคลมชักได้ประมาณ 5 ปี แต่ได้ใบอนุญาตขับขี่มาก่อนที่จะมีอาการป่วย
ขณะที่นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า นายอัครเดช มีใบอนุญาตขับรถแบบตลอดชีพ แต่หากแพทย์พิสูจน์ทราบและมีหลักฐานว่าเป็นโรคลมชักจริง กรมการขนส่งทางบกจะเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ทันที เพราะเป็นบุคคลที่มีสภาพร่างกายไม่พร้อมในการขับขี่
ทั้งนี้ กรมขนส่งทางบกอยู่ระหว่างดำเนินการแก้ไขกฎกระทรวงเพื่อกำหนดเงื่อนไขการขอใบอนุญาตขับขี่ ให้เพิ่มกลุ่มโรคที่เสี่ยงจะเกิดอันตรายในการขับขี่ ซึ่งเป็นการหารือร่วมกันระหว่างกรมการขนส่งทางบกกับแพทยสภา เบื้องต้นได้ข้อสรุปใน 5 โรค ได้แก่
1.โรคลมชัก
2.โรคเบาหวานร้ายแรง
3.ความดันโลหิตสูง
4.ผู้ที่เคยผ่าตัดสมองมาก่อน
และ5.โรคหัวใจ ที่เสี่ยงจะเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายจากการขาดเลือด คาดว่าใช้เวลาอีกประมาณ 2-3 เดือน หรือช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2561 จึงจะบังคับเป็นกฎหมายออกมาบังคับใช้ได้ สำหรับ 5 กลุ่มโรคนี้ ซึ่งบางส่วนไม่ได้เป็นโรคแต่เป็นอาการจะต้องมีการกำหนดรายละเอียด ว่า ครอบคลุมอาการมากเพียงใด ซึ่งรายละเอียดเหล่านี้ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน โดยทางแพทยสภาจะเป็นผู้ดำเนินการ
ก่อนหน้านี้ในการขอใบอนุญาตขับขี่ จะมีการห้ามเฉพาะ 5 โรค ได้แก่
1.เท้าช้าง
2.วัณโรค
3.เรื้อน
4.พิษสุราเรื้อรัง
และ 5.ติดยาเสพติดให้โทษ
โดยทางด้านคดีแม้ตำรวจจะไม่พบปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกาย แต่กลับพบสารเสพติดในร่างกายตำรวจจึงแจ้งข้อหาเพิ่มเติม มีสารเสพติดในร่างกายขณะขับรถ ซึ่งเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43 ทวิ มีโทษจำคุกไม่เกิน 4 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท รวมทั้งข้อหาเดิมที่ตำรวจแจ้งก่อนหน้านี้คือ ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย หลบหนี และขับรถไม่คำนึงถึงความปลอดภัย ซึ่งตำรวจไม่อนุญาตให้ประกันตัว